New Southbound Policy Portal
กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 11 ธ.ค. 68
นายกงหมิงซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน (MOEA) นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนโปแลนด์ ในช่วงระหว่างวันที่ 9 – 11 ธันวาคม 2568 โดยรมว.กงฯ ได้เข้าร่วม “การประชุมภาคธุรกิจไต้หวัน - โปแลนด์” (Taiwan - Poland Business Forum) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. และเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายศูนย์ส่งเสริมการค้าและการลงทุนไต้หวัน ณ กรุงวอร์ซอ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Mr. Konrad Wojnarowski รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานโปแลนด์ และ Mr. Jacek Karnowski รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกองทุนการพัฒนาและนโยบายระดับภูมิภาคของโปแลนด์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐฝ่ายกิจการเศรษฐกิจและการค้า ก่อนวาระการประชุม รมว.กงฯ ยังร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านอากาศยานไร้คนขับแบบทวิภาคี เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานด้านประชาธิปไตย และความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระหว่างไต้หวัน – โปแลนด์ในเชิงลึก นอกจากนี้ คณะตัวแทนยังได้เข้าพบปะหารือกับ Mr. Michal Kaminski รองประธานวุฒิสภาโปแลนด์ และสมาชิกสภาแบบข้ามพรรคที่มีจุดยืนที่เป็นมิตรต่อไต้หวัน เพื่อร่วมหารือความคิดเห็นกันในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ , ความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน , การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและพลังงาน เป็นต้น โดยสมาชิกสภาโปแลนด์เน้นย้ำว่า กลุ่มพันธมิตรไต้หวันถือเป็นองค์กรกลุ่มใหญ่ที่สุดในสมาชิกรัฐสภาโปแลนด์ พร้อมทั้งให้การยอมรับต่อสถานภาพสำคัญของไต้หวัน ในด้านห่วงโซ่อุปทานทางเทคโนโลยีระดับโลก รวมทั้งให้การสนับสนุนความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในเชิงลึก
หลายปีมานี้ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน – โปแลนด์ นับวันยิ่งดำเนินไปอย่างแนบแน่น การประชุมภาคธุรกิจไต้หวัน – โปแลนด์ ที่ MOEA จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้รับการเข้าร่วมจากตัวแทนแวดวงนักธุรกิจของทั้งสองฝ่าย จำนวน 120 คน ในระหว่างการประชุมรมว.กงฯ ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีเปิดป้าย “ศูนย์ส่งเสริมการค้าและการลงทุนไต้หวัน” ณ กรุงวอร์ซอ ภายใต้การร่วมเป็นสักขีพยานของนักธุรกิจทั้งสองฝ่าย ศูนย์ส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งนี้ นับเป็นแห่งที่ 4 ที่ MOEA ได้จัดขึ้นในต่างประเทศ ต่อเนื่องจากกรุงปรากในสาธารณรัฐเช็ก , นครฟูกูโอกะของญี่ปุ่นและเมืองแดลลัสของสหรัฐฯ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้นักธุรกิจที่มีความประสงค์จะรุกขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ก้าวข้ามอุปสรรคด้านการลงทุน ลดภาระต้นทุน ตลอดจนรุกขยายโอกาสธุรกิจสู่ภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก
นอกจากนี้ MOEA ยังได้วางแผนจะจัด “มหกรรมภาพลักษณ์ไต้หวัน” (Taiwan Expo) ขึ้นในทวีปยุโรป ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2569 และมีกำหนดการจะจัดขึ้นครั้งแรกในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งโครงการข้างต้นได้รับการให้ความสำคัญและการสนับสนุนจากแวดวงนักธุรกิจและนักการเมืองชาวโปแลนด์ โดยไต้หวันจะรวบรวมทรัพยากรจากภาครัฐและภาคเอกชน นำเสนอให้เห็นศักยภาพของไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง , การผลิตอัจฉริยะ , ความยั่งยืนของพลังงานสีเขียว , ความมั่นคงทางไซเบอร์และเมืองที่มีความยืดหยุ่น เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนแบบทวิภาคีเชิงลึก ในภาคอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์
รมว.กงฯ กล่าวระหว่างการประชุมว่า นอกเหนือจากเทคโนโลยี AI และเซมิคอนดักเตอร์แล้ว ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพทางความร่วมมือในด้านอากาศยานไร้คนขับ ยานยนต์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทานพลังงานสีเขียว ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนของภาคธุรกิจในเชิงลึกอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังชี้แนะให้หน่วยงานวิจัยและพัฒนาทางเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษา ประยุกต์ใช้ทรัพยากร “กองทุนเพื่อการลงทุนในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก” และ “กองทุนการพัฒนาแห่งชาติโปแลนด์” ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมแบบทวิภาคี
ต่อกรณีความประสงค์ในการจัดตั้งสวนวิทยาศาสตร์ในพื้นที่โปแลนด์ของสมาคมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวัน (TEEMA) รมว.กงฯ จะเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการไต้หวัน ในการวางรากฐานธุรกิจสู่เวทีโลกอย่างกระตือรือร้น เพื่อช่วยให้แวดวงนักธุรกิจทั้งสองฝ่าย เดินหน้าเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนเชิงพาณิชย์ และส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น
ก่อนการประชุม รมว.กงฯ ยังเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ระหว่างพันธมิตรสมาคมอากาศยานของไต้หวัน (Taiwan Excellence Drone International Business Opportunities Alliance, TEDIBOA) และ “หอการค้าอากาศยานไร้คนขับโปแลนด์ ” (Polska Izba Systemów Bezzałogowych, PISB) โดยมีบริษัท Aerospace Industrial Development Corp. ของไต้หวัน และบริษัท Terra Hexen เป็นตัวแทนลงนาม
รมว.กงฯ เน้นย้ำระหว่างการปราศรัยว่า โปแลนด์เป็นตลาดส่งออกอากาศยานไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมจับมือกันคว้าโอกาสธุรกิจ ภายใต้กระแส “ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” (Non – red Supply Chain) เพื่อจับมือกันสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมโดรนที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ