New Southbound Policy Portal

ปธน.ไล่ชิงเต๋อเข้าร่วมพิธีประกาศมอบรางวัล Presidential Hackathon ประจำปี พ.ศ. 2568

ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงพัฒนาดิจิทัล วันที่ 14 ธ.ค. 68

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้เข้าร่วม “พิธีประกาศมอบรางวัล Presidential Hackathon ประจำปี พ.ศ. 2568” โดยปธน.ไล่ฯ ได้ให้การชื่นชมยอมรับต่อทีมที่ได้รับรางวัลประจำปีนี้ ประกอบด้วย “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในประเทศ” (Domestic Track) จำนวน 5 กลุ่ม , ผู้ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมการบริการเชิงสาธารณะ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และ “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ” (International Track) จำนวน 2 กลุ่ม
 
เริ่มต้น ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ขอต้อนรับทุกคนเดินทางมาทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานและแบ่งปันผลสัมฤทธิ์และเกียรติยศของพิธีการประกาศมอบรางวัล Presidential Hackathon ประจำปี 2568 โดยปธน.ไล่ฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นทีมผู้เข้าร่วมที่มาจากทั่วทุกสารทิศและจากภาคส่วนต่างๆ ยึดมั่นในสปิริต “การประสานความร่วมมือแบบข้ามพรมแดน” เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาทางสาธารณะ ด้วยการประยุกต์ใช้ข้อมูลสถิติ เทคโนโลยีและแนวคิดด้านนวัตกรรม พร้อมกันนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังระบุว่า ในปีนี้ กิจกรรมประกาศมอบรางวัล Presidential Hackathon ก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มี “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในประเทศ” ที่ได้รับรางวัล รวมทั้งสิ้น 41 และ“กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ” อีกจำนวน 14 กลุ่ม ซึ่งผลสัมฤทธิ์ที่รวบรวมมาได้ ครอบคลุมในหลากหลายมิติ ทั้งการส่งเสริมการแพทย์คุณภาพ , การยกระดับความมั่นคงทางสังคม อีกทั้งยังรวมไปถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการแก้ไขปัญหาการจราจร เป็นต้น ซึ่งแผนข้อเสนอยอดเยี่ยมได้ปรับเปลี่ยนมาสู่นโยบายที่เป็นรูปธรรม ที่ผสมผสานเข้าสู่วิถีชีวิตประจำวันของภาคประชาชน ในการผลักดันให้ไต้หวัน พัฒนาไปสู่ความก้าวหน้า
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนผ่านสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล การแข่งขันของ “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในประเทศ” ประจำปีนี้ จึงได้จัดขึ้นภายใต้ธีม “การเปลี่ยนผ่านสู่ทิศทางในสองระบบ การเติบโตสีเขียว” โดยได้ติดต่อเชิญนักสร้างสรรค์นวัตกรรมภายในประเทศ ยื่นเสนอแผนโซลูชันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของไต้หวัน ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวัน ในการพิชิตสู่เป้าหมายแล้ว ยังหวังที่จะเห็นเหล่ายอดฝีมือ ทำลายกรอบจำกัดด้านนวัตกรรมรูปแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวเดินไปบนเส้นทางการพัฒนาสู่ทิศทางสีเขียวได้อย่างมีเสถียรภาพ
 
ในโอกาสนี้ ปธน.ไล่ฯ ขอแสดงความยินดีกับ “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในประเทศ” ที่ได้รับรางวัล รวม 5 กลุ่ม ประกอบด้วย : (1) ทีม “ReSchool” บูรณาการกลไกการคาดการณ์จำนวนประชากร , ข้อมูลวิทยาเขตและกรณีตัวอย่างการพลิกฟื้นโรงเรียนร้าง เพื่อช่วยส่งเสริมให้เทศบาลประจำพื้นที่ การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายและการวางแผนฟื้นฟูวิทยาเขต (2) ทีม “AI-Powered Green Chemistry Diagnostic Advisor” ได้วิจัยพัฒนาเครื่องมือวินิจฉัยเพื่อแสวงหาทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อส่งมอบคำเตือนที่แม่นยำสำหรับสารเคมีที่มีความเสี่ยงสูงและข้อชี้แนะที่ช่วยทดแทน (3) ทีม “Decarbon Strivers” ได้เฝ้าติดตามการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโครงการก่อสร้าง ตั้งแต่วัสดุอุปกรณ์ การออกแบบ การก่อสร้างไปจนถึงการรื้อถอนและการนำกลับไปประยุกต์ใช้ เพื่อบรรลุสู่การบริหารจัดการการปล่อยคาร์บอน ตลอดวงจรชีวิตโครงการ (4) ทีม “Zha Nan” ได้แก้ไขปัญหาความท้าทายในการรีไซเคิลและการนำกลับมาประยุกต์ใช้ใหม่ ผ่านการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากกากกาแฟและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระหว่างการคมนาคมขนส่ง พิชิตสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน และ (5) ทีม “The Strivers” ได้ประยุกต์ใช้ตู้เย็นอัจฉริยะและเทคโนโลยี AIoT เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งจ่ายเลือดสำรองเพื่อช่วยชีวิตผู้คนในพื้นที่ชนบทได้อย่างทันท่วงที ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการแพทย์ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมการบริการเชิงสาธารณะ CivicWorks Guardian อาศัยระบบ AI เข้าตรวจจับความผิดปกติด้านความปลอดภัยในพื้นที่ก่อสร้าง และช่วยในการตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้าง ควบคู่ไปกับการตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการแบบเรียลไทม์
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ของทีมผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศ ก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยในปีนี้ “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ” ได้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การสรรสร้างอนาคตที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมทางดิจิทัล” (Digital Innovation for Resilience and Sustainability) โดยปธน.ไล่ฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นทีมผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศจับมือกันพัฒนาความยั่งยืน ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและการแลกเปลี่ยนกับหุ้นส่วนนานาประเทศ ในโอกาสนี้ ปธน.ไล่ฯ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับทีม “CropNow” จากอินเดีย ที่ช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรจับทิศทางสถานการณ์ความแข็งแรงของผลผลิตทางการเกษตรได้แบบเรียลไทม์ ผ่านการบูรณาการทางเทคโนโลยี ระหว่างเซนเซอร์ตรวจจับ IoT และเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยื่นเสนอข้อชี้แนะด้านการชลประทานและการคาดการณ์การระบาดของโรคพืชผ่าน CropDesk ทั้งนี้ เพื่อช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการเกษตรที่ยั่งยืน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ “Beyond Hearing” ที่เกิดจากการจับมือระหว่างไต้หวัน – ฝรั่งเศส ได้ผสมผสานเทคโนโลยี AI และ AR ในการแปลงข้อมูลเสียงให้เป็นรูปภาพ เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางการได้ยิน รับรู้ตำแหน่งพื้นที่และเพิ่มประสิทธิภาพในการสนทนา ผ่านการวิเคราะห์แหล่งที่มาและประเภทของเสียงได้อย่างทันท่วงที
 
กระทรวงพัฒนาดิจิทัลไต้หวัน แถลงว่า การแข่งขันข้างต้นนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีสารสนเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้รัฐบาลเดินหน้าปรับปรุงนโยบาย และเป็นฐานสาธิตสำคัญที่ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในภาคประชาสังคม