เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (Central Epidemic Command Center, CECC) แถลงว่า ณ วันที่ 12 เม.ย. ในไต้หวันมีผู้ที่มีอาการเข้าข่ายสงสัยที่ได้รับรายงานเพิ่มขึ้น 668 คน ตราบจนปัจจุบันมียอดสะสมรวม 47,215 คน (จำนวนนี้รวมผู้ที่ได้รับการยืนยันภายหลังว่า ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทั้งสิ้น 42,707 คน) โดยผู้ป่วยยืนยันมีจำนวน 393 คน ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดนี้ มี 338 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ส่วนอีก 55 รายเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยยืนยั

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า สืบเนื่องจากการที่ไต้หวันถูกแบ่งแยกและได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มาเป็นระยะเวลานาน กลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจในระยะนี้ และเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา สมาชิกของพรรคการเมืองต่างๆ ของรัฐสภายุโรป ( European Parliament) รวม 67 คน ได้ร่วมกันส่งหนังสือเรียกร้องต่อ Mr. Josep Borrell ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป (EU) ด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง (High Representative of the

หลังจากการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในระลอกแรกประสบผลสำเร็จอย่างราบรื่น เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา นางโอวเจียงอัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศและประธานคณะกรรมการความร่วมมือทางการทูตสาธารณะ ได้ประกาศว่า ไต้หวันจะให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประชาคมโลกในระลอกที่ 2 โดยการบริจาคหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือให้กับประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด – 19 อย่างรุนแรง อาทิ ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปในภูมิภาคยุโรปเหนือและยุโรปตะวันออกกลาง รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบอย่างหน

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 เม.ย. นายเฉินเจี้ยนเหริน รองประธานาธิบดี แห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่รายการโทรทัศน์ Newsday ของบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ (British Broadcasting Corporation, BBC) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ของไต้หวัน พร้อมตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการป้องกันโรคระบาดทั่วโลก

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า ประเทศที่ไต้หวันจะบริจาคหน้ากากอนามัยให้ในระลอกต่อไป ครอบคลุม 7 ประเทศตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ที่ขณะนี้ได้ขอความช่วยเหลือจากไต้หวัน และประเทศอื่นที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก โดยคาดว่าจะจัดส่งหน้ากากอนามัยไปยังกลุ่มประเทศเหล่านี้ จำนวนกว่า 1 ล้านชิ้น ส่วนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังไม่ได้ขอรับบริจาคหน้ากากอนามัยจากไต้หวัน

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (Central Epidemic Command Center, CECC) แถลงว่า ณ วันที่ 5 เม.ย. ในไต้หวันมีผู้ที่มีอาการเข้าข่ายสงสัยที่ได้รับรายงานเพิ่มขึ้น 920 คน ตราบจนปัจจุบันมียอดสะสมรวม 37,219 คน (จำนวนนี้รวมผู้ที่ได้รับการยืนยันภายหลังว่า ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทั้งสิ้น 33,128 คน) โดยกรณีผู้ป่วยยืนยันมีจำนวน 373 คน ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดนี้ มี 321 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ส่วนอีก 52 รายเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ ทั้งนี้ ในจำนวน

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด – 19 ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างไม่ปราณี เมื่อวันที่ 1 เม.ย. กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน (MOFA) ได้ประกาศว่าไต้หวันจะให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศในภูมิภาคยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดอย่างรุนแรง รวมถึงประเทศพันธมิตรของไต้หวัน โดยจะส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 10 ล้านชิ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์และการป้องกันโรคระบาดในประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงตามที่ได้ระบุไว้ข้างต้น ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้ทั่วโลกได

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า เพื่อช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันโรคระบาดให้กับประเทศพันธมิตรของไต้หวัน ทางกต.ไต้หวัน จึงได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันการแพทย์หลายแห่งในไต้หวัน อาทิ ศูนย์การแพทย์ฉีเหม่ย (Chi Mei Medical Center) โรงพยาบาลคาเธ่ย์เจนเนอรัล (Cathay General Hospital, CGH) โรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป (Taipei Veterans General Hospital, TPEVGH) โรงพยาบาลฟาร์ อีสต์เทิร์น เมมโมเรียล (Far Eastern Memorial Hospital, FEMH) โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแ

สืบเนื่องจากแถลงการณ์ของสำนักเลขาธิการองค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่มีเนื้อความระบุ ให้การยอมรับในประสิทธิภาพของมาตรการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน และพิจารณาถึงความสำคัญในการเชิญให้ไต้หวันมีส่วนร่วมในภารกิจ “ระบบการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) โลก” กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า เป็นที่น่าเสียดายที่แถลงการณ์ของ WHO ไม่ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงบางประการ สำหรับบางประเด็นที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง กต.ไต้หวันขอชี้แจงดังต่อไปนี้

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน แถลงว่า “กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อพันธมิตรไต้หวันปี 2019 (Taiwan Allies International Protection and Enhancement Initiative (TAIPEI) Act of 2019”) ได้ผ่านความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของสหรัฐฯ ในวันที่ 4 และ 11 มีนาคมตามลำดับ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ