ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
การเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ใช้ภาพถ่ายเป็นสื่อกลาง รับฟังเสียงเรียกร้องในใจของสตรีชาวเชียงใหม่
2019-12-11

กรอบรูปที่เจิงลวี่ฉีประดิษฐ์ด้วยมือ และมอบคืนให้กับคุณพลอย นางพยาบาลที่บอกเล่าเรื่องราวสุดซึ้ง เบื้องหลังภาพถ่ายใบนั้น (ภาพจาก YDA)

กรอบรูปที่เจิงลวี่ฉีประดิษฐ์ด้วยมือ และมอบคืนให้กับคุณพลอย นางพยาบาลที่บอกเล่าเรื่องราวสุดซึ้ง เบื้องหลังภาพถ่ายใบนั้น (ภาพจาก YDA)

สำนักงานพัฒนาเยาวชน กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 9 ธ.ค. 62

 

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. สำนักงานพัฒนาเยาวชน กระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) (Youth Development Administration, YDA) แถลงว่า เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางสำนักงานฯ ได้จัดกิจกรรมแข่งขันประกวดผลงาน และพิธีมอบรางวัลประจำปี ภายใต้ “โครงการการเรียนรู้จากประสบการณ์นานาชาติ สำหรับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา” (2019 Taiwan Experience Education Program) โดยได้คัดเลือกรายชื่อผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ 6 รางวัล และรางวัลผลงานยอดเยี่ยม อีก 20 รางวัล จากผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งหมด 51 กลุ่ม ซึ่งในจำนวนนี้ เจิงลวี่ฉี นักศึกษาปีที่ 2 ของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติไทเป (Taipei National University of the Arts, TNUA) ได้ใช้ภาพถ่ายเป็นสื่อกลาง ในการรับฟังเสียงเรียกร้องในใจของสตรีชาวเชียงใหม่ รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวในท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน ภายใต้หัวข้อ “ภาพถ่ายหนึ่งใบของเธอ” ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันครั้งนี้ไปครอง


 

โดย YDA เผยว่า เจิงลวี่ฉีได้ขอความร่วมมือจากสตรีชาวเชียงใหม่ ที่มีสถานภาพ อาชีพ และอายุ ที่แตกต่างกันทั้งหมด 4 คน หลังจากทำความรู้จักกันในระดับหนึ่งแล้ว เจิงลวี่ฉีได้ชี้แจงให้พวกเขาเข้าใจถึง หัวใจสำคัญของโครงการดังกล่าว และขอให้พวกเธอแชร์เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังภาพถ่ายของตนเองมา 1 ภาพ นอกจากนี้ เจิงลวี่ฉียังได้ลงมือประดิษฐ์กรอบรูปทำมือด้วยตนเอง และนำภาพที่ใส่กรอบเรียบร้อยแล้ว มอบคืนให้กับผู้แบ่งปันเรื่องราว ซึ่งของที่ระลึกเช่นนี้ได้ผสมผสาน ระหว่างด้านทัศนศิลป์และประสาทสัมผัส เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เจิงลวี่ฉีกล่าวว่า “การได้สำรวจและค้นพบเรื่องราวต่างๆ ในเมือง และบอกเล่าให้นักท่องเที่ยว ได้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ด้วย เป็นการท่องเที่ยวที่เธอใฝ่ฝัน” ซึ่งระหว่างการดำเนินตามแผนโครงการ หนึ่งในผู้ที่บอกเล่าเรื่อง ชื่อพลอย มีอาชีพเป็นนางพยาบาล พลอยกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าสถานที่ที่ปรากฎในภาพ จะไม่ใช่วัดญี่ปุ่นของจริง แต่สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดในภาพใบนี้ คือ การดื่มด่ำกับความสุข ที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว” จากคำบอกเล่าความในใจของพลอย ทำให้เจิงลวี่ฉีสัมผัสได้ทันทีว่า “แท้ที่จริงแล้ว สถานที่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือการได้อยู่ร่วมกันกับใครต่างหาก” จากข้อคิดดังกล่าว ทำให้ตระหนักได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนในสังคม ต้องสร้างและรักษาความสัมพันธ์ ผ่านสื่อกลางอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือแม้กระทั่งประเด็นสนทนาใดๆ เป็นต้น


 

นอกจากนี้ เจิงลวี่ฉียังกล่าวเพิ่มเติมว่า เธอคาดไม่ถึงว่า ภาพถ่ายหนึ่งใบกับเรื่องราวสุดซึ้ง จะสำแดงพลังได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ การเดินทางมาเยือน ภายใต้โครงการนี้ ทำให้เธอได้พบและรู้จักกับผู้ให้สัมภาษณ์ทั้ง 4 ซึ่งเป็นสตรีชาวไทย ที่เพียบพร้อมด้วยการศึกษา และสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งมีความตระหนักรู้ว่าตนเองต้องการอะไร ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการพลิกโฉมความไม่เสมอภาคทางเพศในสังคม เจิงลวี่ฉีคาดหวังที่จะต่อยอดด้านจิตวิญญาณ ในโครงการนี้ต่อไปในอนาคต ด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ วิถีการดำเนินชีวิตของชนกลุ่มน้อย และสตรีผู้สูงวัย ผ่านความช่วยเหลือด้านการแปลภาษาของผู้ให้สัมภาษณ์ทั้ง 4 หรือการมีส่วนร่วมในการกระตุ้น การผนวกกำลังของภาคประชาสังคมและสมาคมธุรกิจเพื่อสังคม ร่วมกับกลุ่มสตรี ตลอดจนร่วมเป็นกระบอกเสียงให้กับ กลุ่มสตรีรากหญ้าในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อส่งเสริมให้พวกเขา กล้าที่จะทำตามความปรารถนา ความฝันและความเชื่อของตน เพื่อก้าวเดินไปบนเส้นทางของตนเองอย่างกล้าหาญ


 

ทั้งนี้ YDA แถลงว่า การเดินทางไปเยือนสำรวจในต่างประเทศ และการเปิดโลกทัศน์ใหม่ ถือเป็นความฝันของคนรุ่นใหม่ทุกคน โครงการการเรียนรู้จากประสบการณ์นานาชาติ สำหรับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ได้ส่งเสริมให้นักศึกษาใช้ช่วงเวลาที่ยังมีสถานภาพเป็นนักศึกษา วางแผนการเดินทางไปสำรวจและสัมผัสประสบการณ์ในต่างประเทศด้วยตนเอง ภายใต้การชี้แนะของหลักสูตรในระบบสถาบัน หรือกิจกรรมภายใต้โครงการต่างๆ ตราบจนปีนี้ โครงการดังกล่าวได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว โดยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มีนักศึกษาที่เดินทางไปเรียนรู้ประสบการณ์ในต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้นกว่า 3,400 คนแล้ว