สภาบริหาร วันที่ 6 ส.ค. 63
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ในที่ประชุมสภาบริหาร นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับฟังรายงานที่เกี่ยวกับ “สถานการณ์การระบาดล่าสุดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) และมาตรการรับมือ” จากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ พร้อมกล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในระยะเริ่มแรก ไต้หวันได้เร่งใช้มาตรการป้องกันโรคระบาดแบบล่วงหน้าอย่างเต็มที่ ทำให้ผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก โดยภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ Mr. Alex Azar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา มีกำหนดการเดินทางมาไต้หวันเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสานความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน กับเจ้าหน้าที่ป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทั่วโลกยังคงรุนแรง บรรดาผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่า ประชาชนควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัดตามเดิม มิควรผ่อนคลายลง
นรม.ซูฯ ระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกมียอดผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 19 ล้านราย และมียอดผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 700,000 คน หลายประเทศต่างทยอยใช้มาตรการปิดประเทศ ปิดเมือง หรือแม้กระทั่งจำกัดไม่ให้ประชาชนออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็น แต่ไต้หวันได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคระบาดแบบล่วงหน้า นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ยังไม่เป็นที่ชัดแจ้ง ผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันโรคระบาดจึงได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากประชาคมโลก นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ โดนัลด์ได้มอบหมายให้ Mr. Alex Azar รมว.กระทรวงสุขภาพฯ ของสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนไต้หวัน ถือเป็นการแสดงความยอมรับต่อผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน พร้อมทั้งยังได้แสดงความขอบคุณต่อไต้หวัน ที่ได้บริจาคหน้ากากอนามัยให้ในช่วงที่สหรัฐฯ ต้องการมากที่สุด การเดินทางมาเยือนของ Mr. Alex Azar และคณะในครั้งนี้ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์ในการร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่ป้องกันโรคระบาดของไต้หวันแล้ว ยังคาดหวังที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น โดยจะมุ่งเน้นความร่วมมือไปที่การแบ่งปันข้อมูลโรคระบาดและมาตรการป้องกันโรคระบาด รวมถึงการแบ่งปันทรัพยากรระหว่างกันด้วย
นรม.ซูฯ กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ในไต้หวันจะมีเสถียรภาพและมีความปลอดภัย แต่จนถึงขณะนี้การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ก็ยังไม่ทุเลาลง ซึ่งทั่วโลกต่างกำลังขะมักเขม้นในการวิจัยและพัฒนาวัคซีน และในหลายประเทศก็ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในระลอกที่ 2 แล้ว ทำให้ผู้คนมีความกังวลเป็นอย่างมาก ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา ผู้ป่วยยืนยันที่เดินทางกลับมาไต้หวันจากต่างประเทศมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนเกิดความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา นรม.ซูฯ ได้จัดการประชุมรอบพิเศษขึ้น พร้อมทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมเฉพาะกิจ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันโรคระบาด ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (Central Epidemic Command Center, CECC) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมหน้า เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการรับมือ
ขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในไต้หวัน ได้รับการควบคุมไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ชุมชนในไต้หวันมีความปลอดภัยกว่ามาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาตรการป้องกันโรคระบาดที่ไต้หวันเร่งดำเนินการตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและเข้มงวด เพราะฉะนั้นทุกคนจึงมิควรละเลยในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัดต่อไป บรรดาผู้เชี่ยวชาญแสดงความคิดเห็นว่า แต่ละประเทศมีแนวทางการรับมือกับโรคระบาดที่แตกต่างกันไป พร้อมทั้งให้คำแนะนำว่า ไต้หวันยังคงต้องรักษามาตรการป้องกันโรคระบาดตามเดิม คือ ผู้ที่มีอาการต้องสงสัยก่อนเดินทางเข้าเขตอาณาไต้หวันต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองในทันที ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อสังเกตการณ์อาการเป็นเวลา 14 วัน และต้องดูแลสุขภาพของตนเองเป็นเวลา 7 วัน
นรม.ซูฯ ยังชี้ว่า เนื่องจากในไต้หวันไม่มีผู้ป่วยยืนยันในประเทศติดต่อกันมาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว ประชาชนบางส่วนจึงละเลยการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายเฉินสือจง ผู้บัญชาการ CECC จึงได้กำหนด 8 สถานที่ที่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในการประชุม และขอแสดงความขอบคุณผู้ว่าการในพื้นที่ต่างๆ ที่พยายามประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ พร้อมขอให้ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างเคร่งครัดด้วย