ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ไต้หวัน – อังกฤษร่วมผลักดันนโยบายประเทศสองภาษาในปี 2030 เสริมสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาระหว่างกันในเชิงลึก
2020-08-18
New Southbound Policy。นายพันเหวินจง (ขวา) ให้การต้อนรับ Ms. Catherine Nettleton ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษประจำกรุงไทเป (ภาพจาก MOE)
นายพันเหวินจง (ขวา) ให้การต้อนรับ Ms. Catherine Nettleton ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษประจำกรุงไทเป (ภาพจาก MOE)

MOE วันที่ 17 ส.ค. 63

 

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายพันเหวินจง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (Ministry of Education, MOE) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Ms. Catherine Nettleton ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษประจำกรุงไทเป และ Mr. Ralph Rogers ผู้อำนวยการสมาคมวัฒนธรรมอังกฤษในไต้หวัน (British Council) โดยทั้งสองฝ่ายต่างตกลงที่จะขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างนักศึกษาของ 2 ประเทศ เร่งผลักดันความร่วมมือใน 3 ประการหลัก ประกอบด้วย การเสริมสร้างทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน นวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงการวิจัยและพัฒนา ตาม “แผนปฎิรูปไต้หวันสู่ประเทศสองภาษา ปี 2030” ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา ระหว่างไต้หวัน – อังกฤษในเชิงลึกต่อไป


 

รมว.พันฯ กล่าวว่า เพื่อยกระดับความสามารถด้านภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษาในไต้หวัน MOE จะร่วมประสานความร่วมมือกับ British Council ภายใต้โครงการบ่มเพาะนักศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยจะให้ความช่วยเหลือแก่สถาบันอุดมศึกษาในประเทศ รวม 15 แห่งในการยกระดับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและความสามารถด้านภาษาอังกฤษของนักศึกษา และหลังจากที่ประเมินประสิทธิภาพในการดำเนินการเบื้องต้นแล้ว จะขยายการให้ความช่วยเหลือไปสู่สถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศต่อไป รมว.พันฯ เน้นย้ำว่า เป้าหมายการเป็นประเทศสองภาษาในปี 2030 เป็นนโยบายข้ามหน่วยงานภาครัฐของไต้หวัน ในส่วนของการศึกษาภาคบังคับนั้น คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ (National Development Council, NDC) จะจัดทำแบบทดสอบเพื่อประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อขานรับต่อความต้องการของนักเรียนในภายภาคหน้า อีกทั้งยังเป็นข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญของการผลักดันการศึกษารูปแบบสองภาษาในอนาคตอีกด้วย


 

รมว.พันฯ ยังได้ระบุถึงภารกิจหลักของการผลักดันนโยบายประเทศสองภาษา โดยเฉพาะการพิจารณาจากประสบการณ์และข้อจำกัดตลอดช่วงที่ผ่านมา นอกจากหลักสูตรในชั้นเรียนแล้ว ยังคาดหวังที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนเสริมสร้างทักษะการฟังและการพูดในชีวิตประจำวัน


 

Ms. Catherine กล่าวตอบรับรมว.พันฯ โดยระบุว่า เนื่องจากไต้หวันประสบความสำเร็จด้านการป้องกันโรคระบาด จึงยังคงสามารถรักษาสภาพแวดล้อมด้านการเรียนรู้ที่ดีให้กับนักศึกษาในประเทศ ตราบจนปัจจุบัน สถาบันอุดมศึกษาระหว่างไต้หวัน – อังกฤษได้มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างใกล้ชิด ในอนาคตนอกจากจะส่งเสริมให้นักศึกษาเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างกันในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นแล้ว ก็ยังจะให้ความช่วยเหลือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทันสมัยอีกด้วย ในระหว่างการหารือ รมว.พันฯ ยังได้เชิญให้ Ms. Catherine และ Mr. Ralph เข้าเยี่ยมชมโรงเรียนต้นแบบของไต้หวัน และมหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จในการผลักดันการวิจัยทางเทคโนโลยี เทคโนโลยีบิ๊กดาต้า และความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาในด้านเทคโนโลยี AI


 

สำหรับการฝึกอบรมบุคลากรด้านการศึกษาภาษาอังกฤษนั้น Mr. Ralph กล่าวว่า ในแต่ละปี ทางรัฐบาลอังกฤษได้คัดเลือกบุคลากรผู้ช่วยสอนจำนวน 2,500 คน เพื่อส่งไปให้ความช่วยเหลือด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในนานาประเทศทั่วโลก โดย Ms. Catherine กล่าวว่า ในอนาคตจะจัดสรรอาจารย์และผู้ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้กับไต้หวัน และจะขอความร่วมมือในการจัดสรรอาจารย์และผู้ช่วยสอนภาษาจีนเดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการยกระดับความสามารถทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนระหว่างสองประเทศต่อไป