สาระสำคัญของเนื้อข่าว :
♦ ตามรายงานล่าสุดของ “สถาบันโลวี” คลังสมองของออสเตรเลีย ระบุว่า ออสเตรเลีย เวียดนาม และไต้หวัน ได้รับการยกระดับให้ครองบทบาทที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย โดยมีปัจจัยบางประการที่มาจากการบังเกิดผลสัมฤทธิ์ในด้านการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19

♦ Mr. Herve Lemahieu ผู้อำนวยการโครงการศักยภาพของเอเชียและการทูตของสถาบันโลวี กล่าวว่า การรับมือกับโรคระบาด นับเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการยกระดับอันดับของประเทศในภูมิภาคเอเชีย แต่ไม่ได้เป็นเพียงคุณสมบัติเดียวเท่านั้น

♦ ในปีนี้ไต้หวันยังคงครองอันดับที่ 14 แต่ดัชนีศักยภาพกลับถีบตัวจากร้อยละ 15.9 ขึ้นมาเป็นร้อยละ 16.7
-------------------------------------------
สำนักข่าว CNA วันที่ 19 ต.ค. 63

ตามรายงานล่าสุดของ “สถาบันโลวี” (Lowy Institute for International Policy) คลังสมองของออสเตรเลีย ระบุว่า ออสเตรเลีย เวียดนาม และไต้หวัน ได้รับการยกระดับให้ครองบทบาทที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย โดยมีปัจจัยบางประการที่มาจากการบังเกิดผลสัมฤทธิ์ในด้านการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19)

นับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา “สถาบันโลวี” ได้เผยแพร่รายงานดัชนีศักยภาพของเอเชีย (Asia Power Index) เป็นประจำทุกปี โดยทางสถาบันได้ทำการประเมินทรัพยากรและอิทธิพลในประเทศแถบภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์การกระจายศักยภาพในปัจจุบันของ 26 ประเทศและเขตพื้นที่ พร้อมทั้งติดตามดุลยภาพทางศักยภาพที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

รายงานดัชนีศักยภาพของเอเชีย ปี 2020 ได้ดำเนินการประเมินความสามารถของ 26 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตามเกณฑ์มาตรฐาน อาทิ ความสามารถด้านกลาโหมและเครือข่ายการป้องกันประเทศ ความสามารถและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงการทูตและบทบาททางวัฒนธรรม เป็นต้น

Mr. Herve Lemahieu ผู้อำนวยการโครงการศักยภาพของเอเชียและการทูตของสถาบันโลวี (Director of the Asian Power and Diplomacy Program at the Lowy Institute) กล่าวว่า การรับมือกับโรคระบาด นับเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการยกระดับอันดับของประเทศในภูมิภาคเอเชีย แต่ไม่ได้เป็นเพียงคุณสมบัติเดียวเท่านั้น

Mr. Herve กล่าวว่า ศักยภาพของทั้ง 3 ประเทศมีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเวียดนาม ออสเตรเลีย และไต้หวัน ซึ่งนอกจากจะสามารถรับมือกับโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ศักยภาพในด้านอื่นๆ ก็ยังบังเกิดผลสัมฤทธิ์อันเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาคมโลกอีกด้วยเช่นกัน โดย 5 อันดับแรกของปีนี้ยังคงรักษาอันดับเดิมของปีที่แล้วไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และรัสเซีย แต่ในปีนี้ออสเตรเลียกลับแซงหน้าเกาหลีใต้ ไต่สู่อันดับที่ 6 บีบให้เกาหลีใต้ร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 7

ส่วนไต้หวันก็สามารถรักษาอันดับเดิมของปีที่แล้วไว้ได้ โดยครองอันดับที่ 14 แต่ดัชนีศักยภาพกลับถีบตัวจากร้อยละ 15.9 ขึ้นมาเป็นร้อยละ 16.7 และเนื่องจากผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันโรคระบาดของไต้หวันบังเกิดประสิทธิภาพอย่างเด่นชัด จึงทำให้ได้รับเสียงยอมรับจากนานาประเทศอย่างล้นหลาม