สำนักข่าว CNA  วันที่ 30 มี.ค.64
 
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา เครื่องบินทหารของจีนบินรุกล้ำเข้าสู่บริเวณเหนือน่านน้ำทะเลด้านตะวันตกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของไต้หวัน นอกจากนี้ทางภาคตะวันออกของไต้หวันยังพบเครื่องบินตรวจการณ์ Y-9 ของจีน 1 ลำ ทำให้เกิดเหตุการณ์เครื่องบินจีนบินสวนกันเหนือน่านฟ้าไต้หวัน ด้านกระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมาโดยเน้นย้ำว่า ความอดกลั้นของกองทัพไต้หวันมีขีดจำกัดและมีกฎกติกา  อีกทั้งได้เตรียมพร้อมแผนรับมือไว้แล้ว ในขณะที่นักวิชาการวิเคราะห์ว่า  การบินสวนกันเหนือน่านฟ้าไต้หวันของเครื่องบินจีนไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ขั้นรุนแรงที่สุด เป็นเพียงการแสดงความไม่พอใจของจีนที่มีต่อพัฒนาการที่ก้าวหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ เท่านั้น
 
โดยเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมไต้หวันได้ประกาศการเคลื่อนไหวของเครื่องบินจีนผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวงฯ ในหน้า “การเคลื่อนไหวทางการทหาร” โดยระบุว่า พบเครื่องบินจีน 10 ลำ บินเข้ามาก่อกวนทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ ในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของไต้หวัน ซึ่งประกอบด้วย เครื่องบินแจ้งเตือนภัยทางอากาศ KJ-500 จำนวน 1 ลำ เครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำ Y-8 จำนวน 1 ลำ เครื่องบินขับไล่ J-16 จำนวน 4 ลำ และเครื่องบินขับไล่ J-10 จำนวน  4 ลำ และที่เกิดขึ้นน้อยครั้งมากก็คือ เครื่องบิน Y-8  ยังบินเข้ามาถึงบริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้ของไต้หวันจากนั้นจึงบินกลับออกไป
 
นอกจากนี้หน่วยข่าวกรองทางทหาร กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นก็ได้ประกาศ การเคลื่อนไหวของเครื่องบินจีน โดยระบุว่า เครื่องบินตรวจการณ์ Y-9 ของจีน 1 ลำ บินเข้าสู่บริเวณเหนือน่านน้ำทางภาคตะวันออกของไต้หวัน ทำให้เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากภาคเหนือของไต้หวันแล้ว ภาคใต้และภาคตะวันออกล้วนพบร่องรอยของเครื่องบินจีน และยังปรากฏเส้นทางการบินในลักษณะบินสวนกันเหนือน่านฟ้าไต้หวันด้วย
 
ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา พลตรีสือซุ่นเหวิน โฆษกกระทรวงกลาโหมไต้หวันย้ำว่า กองทัพไต้หวันติดตามการเคลื่อนไหวของเครื่องบินทหารและเรือรบของกองทัพจีนในช่องแคบไต้หวันอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา อีกทั้งได้มีการจัดการและรับมือกับสถานการณ์ตามขั้นตอนของแผนเตรียมความพร้อมในการปกป้องความปลอดภัยของประเทศ สำหรับปฏิบัติการฝึกซ้อมของเครื่องบินจีนที่มีการล็อคเป้าหมายนั้น  กองทัพไต้หวันยึดหลักการประเมินศักยภาพของข้าศึกไว้ในระดับสูงในทุกสถานการณ์ รวมถึงจะมีการวิเคราะห์เพื่อจัดทำแผนเตรียมความพร้อมในการรับมือหากข้าศึกลงมือปฏิบัติการโจมตี
 
ด้านพลอากาศโทหวงจื้อเหว่ย เสนาธิการทหารอากาศไต้หวัน เปิดเผยว่า สำหรับการรุกล้ำเข้าสู่เขต AIDZ ของเครื่องบินทหารจีนนั้น กองทัพอากาศมีการจัดการและรับมือ รวมถึงมีการติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีประเมินระดับการคุกคามด้วย พร้อมย้ำว่า “เรามีขีดจำกัดของความอดกลั้นและมีกฎกติกา” แต่ยุทธวิธีที่ใช้ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ ใช้เครื่องบินที่มีความเร็วสูง เครื่องบินความเร็วต่ำ การติดตามและสอดแนมโดยระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศ  และการทำสงครามไซเบอร์ ซึ่งล้วนเป็นยุทธวิธีที่ใช้ในการรับมือกับข้าศึกในขั้นสูงและต่ำ ที่สามารถนำมาใช้ประกอบกัน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกหลุมพลางของกองทัพจีนที่ต้องการบั่นทอนแสนยานุภาพของกองทัพไต้หวัน