คุณเซี่ยอวี้หลิงเจ้าของร้าน 23.5° Cactus Ice Cream เชื่อมั่นว่ากระบองเพชรจะกลายแบรนด์สินค้าระดับสากลของเผิงหูได้
การได้ไปรับประทานไอศกรีมผลไม้ถึงแหล่งผลิต เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทุกคำที่รับประทานเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงรสชาติที่สดใหม่ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนในท้องถิ่นที่มีต่อไอศกรีมเหล่านี้ และยังเป็นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองเล็กๆ เหล่านี้ด้วย
ไอศกรีมรสกระบองเพชรเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเกาะเผิงหู ต้นกระบองเพชรโอพันเทีย (Opuntia dillenii) เติบโตอยู่บริเวณชายหาดของเกาะ แม้จะต้องเผชิญกับลมแรงหรือแสงแดดจ้า แต่ต้นกระบองเพชรก็ยังคงให้ผลผลิตสีม่วงแดงรสชาติหวานฉ่ำออกมา เฉกเช่น “จิตวิญญาณทางทะเล” ของชาวเผิงหูที่เต็มไปด้วยความมานะบากบั่น ซึ่งแม้จะไม่สามารถหาวัสดุใดๆ บนเกาะเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างได้ แต่ก็ไม่ลดละความพยายาม เสาะหานำเอาหินปะการังจากท้องทะเลมาใช้แทน ก้าวข้ามข้อจำกัดที่เกิดจากสภาพแวดล้อม
ลองลิ้มชิมรสไอศกรีมกระบองเพชรบนสะพาน Penghu Great Bridge
ชาวเผิงหูมักจะเตือนนักท่องเที่ยวให้อยู่ห่างจากต้นกระบองเพชร เพราะเกรงว่าอาจโดนหนามอ่อนๆ ของมันที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่าและดึงออกยากตำเอาได้ แต่ก็มีชายคนหนึ่งยืนนิ่งๆ อยู่หน้าพุ่มกระบองเพชร แล้วกวาดสายตามองหาเป้าหมาย ก่อนจะเริ่มลงมือ เขาคือคุณอี้อิงซิ่น (易英信) เจ้าของร้านไอศกรีมกระบองเพชรตระกูลอี้รุ่นที่สอง เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ขณะที่เขาเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาและได้ไปทัศนศึกษาในวิชาการสำรวจนอกสถานที่ เขาพบว่าในละแวกของโรงเรียนประถมศึกษาโฮ่วเหลียวมีพุ่มกระบองเพชรเติบโตอยู่ ครั้งแรกที่เห็นรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่มาก เขาจึงเด็ดมันออกมา 2-3 ลูกนำไปให้แม่ ของขวัญพิเศษชิ้นนี้สร้างโอกาสให้กับตระกูลอี้ในการเปิดร้านขายไอศกรีมกระบองเพชร
เมื่อเราถามคุณอี้อิงซิ่นถึงเคล็ดลับในการเลือกเก็บผลกระบองเพชร คำตอบที่ได้จากเขาเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ “ผลสีแดงจะมีรสเปรี้ยว ผลสีเขียวถึงจะหวาน” เขาหยิบผลกระบองเพชรที่มีหนามแหลมยาวขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง และใช้หนามแข็งของต้นกระบองเพชรตัดด้านขั้วของผลออกอย่างชำนาญ ดึงเอาหนามสีเข้มออก และค่อยๆ บีบเนื้อสีแดงสดของผลกระบองเพชรออกมา เขาจำได้ว่า “เริ่มแรกไม่มีใครกล้ารับประทาน” เพราะสีของผลกระบองเพชรจัดจ้านจนคนตกใจกลัว เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าได้ลองลิ้มรสไอศกรีมนี้ คุณพ่อคุณแม่ของเขาจึงเอาไอศกรีมไปแจกให้นักท่องเที่ยวได้ชิมฟรีที่สะพาน Penghu Great Bridge ผู้คนจึงค่อยๆ ให้การยอมรับไอศกรีมที่มีสีสดใสเช่นนี้ได้
ไอศกรีมกระบองเพชรของร้านอี้จะให้รสสัมผัสที่ผสมผสานระหว่างสมูทตี้กับไอศกรีม มีเกล็ดน้ำแข็งเป็นเม็ดๆ กับความเหนียวที่ได้จากยางกระบองเพชรผสมอยู่ด้วยกัน รสชาติหวานอมเปรี้ยวผสมด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรอ่อนๆ กับกลิ่นผลไม้เบาๆ และเพื่อให้ไอศกรีมมีรสสัมผัสมากขึ้น จึงเติมเผือกเพิ่มลงไป แต่ไม่ทำให้รู้สึกว่าเหนียวจนหนืด ผู้กำกับอู๋เนี่ยนเจิน (吳念真) ให้คำนิยามว่า “นี่คือสีบานเย็นที่ผสมผสานระหว่างรสชาติและฤดูร้อนที่ลงตัว”
ผู้คิดค้นเริ่มแรกคือคุณอี้เจิ้งชิวจือ (易鄭秋枝) แม่ของคุณอี้อิงซิ่น ครั้งแรกที่เห็นลูกชายเด็ดผลกระบองเพชรมาให้ คุณอี้เจิ้งชิวจือก็ถามกลับในทันทีว่า “มันคืออะไร” เดิมทีตั้งใจว่าจะเอาไปทิ้ง แต่พอนึกถึงจิตใจที่มีความกตัญญูของลูกชาย เธอจึงนำเจ้าผลไม้สีแดงๆ นี้ไปวางไว้บนแผงขายชาฟงหรู (Glossogyne tenuifolia) ของบ้านตระกูลอี้ สิ่งที่กระทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจกลับดึงดูดความสนใจของลูกค้า จนทำให้ผลไม้ดังกล่าวถูกจำหน่ายจนหมด ด้วยเหตุนี้ คุณอี้เจิ้งชิวจือจึงเริ่มคิดที่จะนำผลกระบองเพชรมาทำเป็นไอศกรีมจำหน่าย และตำนานอันมหัศจรรย์ของไอศกรีมกระบองเพชรที่เมืองเผิงหูก็ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ร้านไอศกรีมกระบองเพชร กับการทดลองวัตถุดิบในท้องถิ่นของเผิงหู
ร้าน “23.5° Cactus Ice Cream” ตั้งอยู่ในตัวเมืองหม่ากง เป็นร้านไอศกรีมกระบองเพชรที่มีสไตล์การตกแต่งหน้าร้านที่โดดเด่น และยังเป็นร้านที่คิดค้นไอศกรีมเจลาโตแบบอิตาเลียนที่มีรสชาติแตกต่างออกไปจากดั้งเดิม สีสันสดใสของไอศกรีมดึงดูดความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก คุณสาวๆ ทั้งหลายต่างหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อถ่ายภาพ มือที่ถือกรวยไอศกรีมพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนหวาน
ความตั้งใจเดิมของร้านไอศกรีมเน็ตไอดอลแห่งนี้ เพียงต้องการนำเสนอเม็ดไข่มุกที่มีรสชาติเหมือนกับที่คุณเซี่ยอวี้หลิง (謝玉玲) ผู้เป็นเจ้าของร้านเคยรับประทานในวัยเด็กเท่านั้น แต่พอได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ เธอจึงเลือกเดินสายผจญภัยไปกับการคิดค้น “เม็ดไข่มุกรสกระบองเพชร”
น้ำกระบองเพชรเมื่อเจอกับความร้อน สีของมันจะจางลง เม็ดไข่มุกที่เดิมเป็นสีม่วงแดง เมื่อนำไปต้มด้วยความร้อน 100°C ใช้เวลาเพียง 6 นาที เม็ดไข่มุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ทำให้สูญเสียสีที่เป็นเอกลักษณ์ของกระบองเพชรไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เพื่อรักษาสีให้คงเดิม คุณเซี่ยอวี้หลิงกับหุ้นส่วนของเธอจึงคิดเอาผลกระบองเพชรมาปั่นทั้งเปลือกให้กลายเป็นน้ำ และนำไปต้มจนได้น้ำผลไม้ที่มีความเข้มข้น 26 เท่า จากนั้นจึงนำไปผ่านความร้อนและทำให้แห้งกลายเป็นผงแล้วนำมาทำเป็นเม็ดไข่มุก
คุณเซี่ยอวี้หลิงไม่ต้องการให้เม็ดไข่มุกรสกระบองเพชรถูกลดคุณค่ากลายเป็นเพียงส่วนผสมที่ใส่ลงไปในเครื่องดื่มแบบชงเขย่า เธอจึงตัดสินใจทำเป็นไอศกรีมและนำเม็ดไข่มุกสีแดงทับทิมโรยลงไปด้านบน วิธีนี้จะทำให้ลูกค้าสังเกตเห็นว่า กว่าจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย ไอศกรีมของร้าน 23.5° Cactus Ice Cream เดิมใช้วัตถุดิบเพียงน้ำผลไม้ น้ำ และน้ำตาล ไม่ใส่วัตถุเจือปนจำพวกสารอิมัลซิไฟเออร์ใดๆ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เหนียวเหมือนไอศกรีมปกติทั่วไป มีเพียงน้ำแข็งที่นุ่มละเอียด เมื่อรับประทานเข้าปากก็จะละลายเป็นน้ำผลไม้อย่างรวดเร็ว โดยเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมจางๆ ของผลไม้
นอกจากไอศกรีมกระบองเพชรสีม่วงแดงแล้ว ที่ร้านยังมีไอศกรีมสีเขียวอ่อนรสสาหร่ายทะเล และไอศกรีมสีน้ำตาลรสชาฟงหรู ซึ่งวัตถุดิบทั้ง 3 ชนิด ล้วนเป็นสินค้าพื้นเมืองของเกาะเผิงหู ในตอนนั้นคุณเซี่ยอวี้หลิงมีความคิดใหม่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจลงมือทำไอศกรีมนมผสมกับผงสาหร่าย แม้รสชาติของสองอย่างนี้ดูเหมือนจะไปกันคนละทิศละทาง แต่เมื่อผสมกันแล้ว
กลับเข้ากันได้อย่างลงตัว ขณะที่ชาฟงหรูซึ่งมีเนื้อสัมผัสบางไม่เหมาะกับการนำมาทำไอศกรีม แต่เมื่อคุณเซี่ยอวี้หลิงนำมาต้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานานกว่า 3 วัน และนำไปแช่เย็น ท้ายที่สุดทำให้ได้ความเหนียวหนืดออกมา
“ฉันหวังว่าทุกคนจะมาซื้อไอศกรีมกระบองเพชร เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์นี้กลายเป็นแบรนด์ของเผิงหู แม้ว่าการแข่งขันจะสูง แต่วิธีการนี้เท่านั้นที่จะช่วยกระตุ้นเราให้เกิดการพัฒนา” คุณเซี่ยอวี้หลิงเชื่อมั่นอยู่ในใจลึกๆ ว่าไอศกรีมกระบองเพชรจะไม่ใช่เพียงของกินเล่นตามแผงลอยเท่านั้น ต้องเป็นแบรนด์ที่ก้าวไปไกลถึงระดับโลก
คุณหวงหว่านหลิง (ซ้าย) ซึ่งเป็นนักรีวิวอาหาร แสดงความชื่นชมคุณเจี่ยนจื่อเหลียง เจ้าของร้าน (ขวา) ว่าใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ ด้วยเหตุนี้ทุกปีจึงต้องแวะมาที่ร้านนี้เพื่อกินน้ำแข็งไส
มะม่วงอวี้จิ่ง รสชาติแห่งความสดใหม่
ไอศกรีมมะม่วงน้ำแข็งไสของไต้หวัน เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเดินทางเข้ามาลองลิ้มชิมรส เปรียบเสมือนเมนูที่มีรสชาติอันงดงามของเกาะไต้หวันแห่งนี้ ที่มีไว้เพื่อใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาจากต่างวัฒนธรรม การเดินทางครั้งนี้เรามาเยือนถนนอวี้จิ่งจงเจิ้ง ถนนที่เต็มไปด้วยร้านไอศกรีมมะม่วงน้ำแข็งไส ในจำนวนนี้มีร้านโหย่วเจียนปิงพู่ (You Jian Bing Pu) ตั้งอยู่ถึง 3 สาขา เป็นร้านมะม่วงน้ำแข็งไสทำมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
มะม่วงที่ทางร้านเลือกใช้จะต้องมีความหวานและความหอมถึงระดับที่กำหนด ดังนั้น สายพันธุ์ที่ใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล รสชาติที่สดใหม่ทำให้ลูกค้าเก่าแก่ของทางร้านกลับมาเยือนเป็นประจำทุกปี ซึ่งในระหว่างที่นิตยสารฉบับนี้กำลังสัมภาษณ์อยู่นั้น ได้พบกับนักเขียนรีวิวอาหารชื่อดังคุณหวงหว่านหลิง (黃婉玲) และครอบครัวของเธอโดยบังเอิญ ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีพวกเขาจะต้องเดินทางมาที่อวี้จิ่ง (Yujing) เพียงเพื่อรับประทานไอศกรีมมะม่วงน้ำแข็งไสชื่อว่า “หมางกั่ว
อู๋ซวง” 1 ถ้วย กับน้ำมะม่วงปั่นสดๆ
คุณหวงหว่านหลิงชอบรสชาติของมะม่วงที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เธอเล่าว่า “ร้านนี้สื่อความหมายของผลิตภัณฑ์ของทางร้านได้ดี และมีความเข้าใจถึงวัฒนธรรมประจำถิ่น การใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ ทำให้ลูกค้าลิ้มลองรสชาติที่แตกต่างกันในแต่ละเดือน คล้ายกับการมีความรักกับฤดูกาลแต่ละฤดู
นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เป็นกลุ่มที่สามารถสัมผัสและเข้าถึง “รสชาติที่เป็นธรรมชาติ” ได้ดีที่สุด แม้ว่าไต้หวันจะส่งออกมะม่วงคุณภาพพรีเมียมไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ แต่เมื่อผ่านกระบวนการอบไอน้ำเพื่อฆ่าแมลงแล้ว มะม่วงก็จะสูญเสียรสชาติดั้งเดิมไป ดังนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มาเยือนร้าน You Jian Bing Pu และได้รับประทานมะม่วงที่หั่นเสร็จใหม่ๆ สักชิ้น แววตาก็จะเป็นประกายเบิกบานด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ติดใจในรสชาติอันหอมหวานของมะม่วงอวี้จิ่ง
ส่งตรงความสดใหม่ของมะม่วงอ้ายเหวินสีแดงจากต้น
มะม่วงอ้ายเหวินที่ส่งตรงมาจากสวนจะมีความสุกเพียง 90% เท่านั้น เมื่อมาถึงถูกนำไปเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนประมาณ 3-5 วัน จนกระทั่งมะม่วงสุกดีทั่วทั้งผล จึงนำไปเก็บไว้ในตู้เย็น คุณจางซิ่วหลิง (張秀玲) เจ้าของร้านอธิบายว่า ต้องรู้จักเลือกมะม่วง ไอศกรีมมะม่วงที่ทำออกมาจึงจะมีรสชาติอร่อย ผลมะม่วงอ้ายเหวินที่อยู่บนต้นไม้ เมื่อได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้ทั้งผลกลายเป็นสีแดง มีรสชาติหอมหวานพอเหมาะ มะม่วงแบบนี้ถึงจะนำไปโรยบนไอศกรีมได้ ส่วนมะม่วงบางผลที่มีเปลือกเป็นสีเขียว ก็จะถูกนำไปคั้นเป็นน้ำเพื่อทำเป็นก้อนน้ำแข็ง เพราะน้ำแข็งไสต้องการเพียงแค่ความหอม ไม่ได้ต้องการความหวานที่มากเกินไป
ทางร้านจะใช้มะม่วงอ้ายเหวินสีแดงสดจากต้นทั้งหมด ชาวสวนมะม่วงอ้ายเหวินจะรอจนมะม่วงเป็นสีแดงและสุกเต็มที่จึงค่อยเด็ดลงมาจากต้น ด้วยเหตุนี้ การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้ในแต่ละวันจึงมีปริมาณไม่แน่นอน ดังนั้น มะม่วงที่นำมาใช้จะต้องคำนึงถึงลักษณะที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละสายพันธุ์ มะม่วงพันธุ์พื้นบ้านและพันธุ์จินหวง เหมาะสำหรับนำมาหั่นเป็นชิ้นเพื่อโรยหน้าบนน้ำแข็งไส เพราะพันธุ์หนึ่งมีความหอมที่พอดี ส่วนอีกพันธุ์มีปริมาณเนื้อที่มากเพียงพอ หรือใช้มะม่วงอ้ายเหวินที่มีรสเปรี้ยวผสมเข้ากับพันธุ์อวี้เหวินที่มีรสหวาน ส่วนฐานด้านล่างของตัวน้ำแข็งไสจะใช้มะม่วง 3 สายพันธุ์มาผสมผสานเข้าด้วยกัน คือ มะม่วงจินหวง อ้ายเหวิน และไข่เท่อ คุณเจี่ยนจื๋ออวี่ (簡子宇) กล่าวว่า หากเป็นช่วงที่มะม่วงอ้ายเหวินมีผลผลิตมาก ไอศกรีมมะม่วงน้ำแข็งไสทั้งถ้วยก็จะใช้มะม่วงอ้ายเหวินทั้งหมด
มะม่วงน้ำแข็งไสอร่อยทุกคำเพราะทำด้วยใจ
คุณเจี่ยนจื๋ออวี่ เจ้าของร้าน You Jian Bing Pu บอกอย่างตรงไปตรงมาว่า ร้าน Ice Monster ที่ตั้งอยู่บนถนนหย่งคังเจีย ในกรุงไทเป คือร้านน้ำแข็งไสที่เป็นสาเหตุทำให้คนไต้หวันคลั่งไคล้ในมะม่วงน้ำแข็งไสเป็นอย่างมาก คุณเจี่ยนจื๋ออวี่เล่าว่า มะม่วงน้ำแข็งไสที่ขายทั่วไปส่วนใหญ่เพียงแค่นำเอาก้อนน้ำแข็งมาไสบดแล้วใส่เนื้อมะม่วงลงไป ไม่มีอะไรโดดเด่น ดังนั้น เราเลยใช้มะม่วงมาทำเป็นก้อนน้ำแข็งด้วย และนำมะม่วงแช่อิ่มมาจัดวางไว้บนน้ำแข็งไสอีกที
สำหรับเมนูมะม่วงน้ำแข็งไสที่ชื่อว่าหมางกั่วอู๋ซวง จะมีชั้นฐานเป็นน้ำแข็งไสที่ทำจากก้อนน้ำแข็งรสมะม่วง ระดับความหวานประมาณ 10 บริกซ์ และส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของมะม่วงออกมา หลังจากราดน้ำเชื่อมจากมะม่วงอ้ายเหวินลงไป เกล็ดน้ำแข็งจากก้อนมะม่วงและน้ำเชื่อมเกิดการผสมและเข้ากันได้อย่างลงตัว และเมื่อเติมมะม่วงดิบเนื้อสีเขียวลงไป ความหวานอมเปรี้ยวและความกรอบของมะม่วงจะช่วยเติมเต็มให้น้ำแข็งไสถ้วยนี้มีรสชาติและรสสัมผัสที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ตบท้ายด้วยการเคี้ยวเนื้อมะม่วงอ้ายเหวินที่หวานหอมชุ่มฉ่ำ “ช่างเป็นอะไรที่ฟินมากๆ” คุณหวงหว่านหลิงกล่าวว่า ในฤดูร้อนหากได้รับประทานเมนูหมางกั่วอู๋ซวง นับเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตได้เลย