กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 23 ส.ค. 65
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับเชิญให้เข้าร่วม “งานเลี้ยงฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 57 ปีแห่งการประกาศเอกราชของสิงคโปร์” ที่จัดโดย “สำนักงานการค้าสิงคโปร์ประจำกรุงไทเป” (Singapore Trade Office in Taipei) โดยรมว.อู๋ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า นับตั้งแต่ปี 1965 ที่สิงคโปร์ได้ประกาศเอกราชเป็นต้นมา ก็ได้รับการยกย่องเชิดชูว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ มีความสงบเรียบร้อยทางสังคม และการปรับตัวอาศัยอยู่ร่วมกันของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ได้อย่างสามัคคี โดยสิงคโปร์นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินในระดับภูมิภาคที่มีความคึกคักแล้ว ยังบังเกิดผลสัมฤทธิ์ในด้านศักยภาพการแข่งขันระดับสากลและกิจการระดับภูมิภาค เชื่อว่าภายใต้ความมุ่งมั่นระหว่างไต้หวัน – สิงคโปร์ จะสามารถร่วมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานที่มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกได้อย่างแน่นอน
Mr. Yip Wei Kiat ผู้อำนวยการสำนักงานการค้าสิงคโปร์ประจำกรุงไทเป กล่าวขณะปราศรัยว่า นับตั้งแต่ที่สถานการณ์โรคโควิด – 19 แพร่ระบาดนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา นานาประเทศต่างก็เผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างใหญ่หลวง นับเป็นความโชคดีที่ประชาชนชาวสิงคโปร์ต่างให้ความร่วมมือต่อมาตรการของส่วนกลางอย่างเคร่งครัด จึงสามารถก้าวผ่านวิกฤตไปได้อย่างราบรื่น โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศมาตรการเปิดประเทศ นับตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้าสู่สิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัว “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” เป็นค่านิยมอันล้ำค่าที่ชาวสิงคโปร์ยึดมั่นร่วมกัน โดยผอ. Yip Wei Kiat ได้แสดงความขอบคุณต่อแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ รวมถึงขอบคุณการสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สิงคโปร์ของประชาชนทุกแวดวง
สิงคโปร์เป็นหุ้นส่วนสำคัญภายใต้ “นโยบายมุ่งใต้ใหม่” ของไต้หวัน โดยทั้งสองประเทศได้ประสานความร่วมมือกันในด้านต่างๆ มากมาย อาทิ เศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมและการศึกษา เป็นต้น โดยความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - สิงคโปร์มีความแข็งแกร่ง และคงไว้ซึ่งมิตรภาพอันเหนียวแน่น โดยกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีกับสิงคโปร์ในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน – สิงคโปร์หลังยุคโควิด – 19 ก้าวสู่บริบทหน้าใหม่ที่มีความแนบแน่นเพิ่มมากขึ้น