คณะกรรมการกิจการการเกษตร วันที่ 26 ส.ค. 65
ไต้หวันแสดงความมุ่งมั่นในการผลักดันการค้าไม้อย่างถูกกฎหมาย และการพัฒนาป่าไม้อย่างยั่งยืน
การประชุมรัฐมนตรีด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) เปิดฉากขึ้นแล้วในระหว่างวันที่ 23 - 25 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยนายหลินหัวชิ่ง อธิบดีกรมป่าไม้แห่งคณะกรรมการกิจการการเกษตร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้นำคณะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมที่จัดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทย โดยการประชุมในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นการพัฒนาบริหารป่าไม้อย่างยั่งยืน และส่งเสริมการค้าผลิตผลป่าไม้อย่างถูกกฎหมาย โดยอธิบดีหลินฯ ได้ร่วมแบ่งปันผลสัมฤทธิ์ของไต้หวันในการมุ่งมั่นปราบปรามการลักลอบตัดไม้ การบริหารระบบการตรวจสอบย้อนกลับ พร้อมทั้งผลักดันผลสัมฤทธิ์ด้านการค้าผลิตผลป่าไม้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านนโยบายการป่าไม้แบบทวิภาคีกับตัวแทนจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย โดยคาดหวังที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ให้เกิดความยั่งยืนสืบไป
แม้ว่าการประชุมรัฐมนตรีด้านป่าไม้ในครั้งนี้ เขตเศรษฐกิจต่างๆ จะยังไม่บรรลุฉันทามติ ในด้านการประกาศการสร้างหลักประกันด้านสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างเป็นทางการและเป็นลายลักษณ์อักษร แต่กลุ่มเขตเศรษฐกิจต่างให้ความสำคัญกับประเด็นการฟื้นฟูป่าไม้ การปราบปรามการค้าไม้ผิดกฎหมาย และการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น
ประกาศรายงาน “ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมผลิตผลป่าไม้และการค้าไม้อย่างถูกกฎหมายของ Chinese Taipei”
อธิบดีหลินฯ ได้แสดงปาฐกถาในการประชุมเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจงผลสัมฤทธิ์ของไต้หวันที่มุ่งมั่นในการเพิ่มพื้นที่ป่า ผลักดันการฟื้นฟูป่าและการพัฒนาอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเร่งผลักดันกลไกการระบุแหล่งที่มาของไม้อย่างถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งระบบการตรวจสอบย้อนกลับผลิตผลป่าไม้ (Taiwan Forest Products Production Traceability System) ขึ้นในปี 2019 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ได้มีการบูรณาการเทคโนโลยีบลอกเชน (blockchain) เข้าเป็นส่วนหนึ่งในระบบ โดยได้ทำการติดตั้ง QR Code สำหรับผลิตผลป่าไม้อย่างชัดเจน และจัดตั้งระบบข้อมูลที่ครอบคลุม เพื่อให้แน่ใจว่าไม้เหล่านี้ มีแหล่งที่มาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการส่งเสริมการค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายและปราบปรามการค้าที่ผิดกฎหมายควบคู่ไปในตัว
นอกจากนี้ เพื่อขานรับการให้ความสำคัญต่อประเด็นการปราบปรามการค้าที่เกี่ยวข้องกับผลิตผลป่าไม้ที่ผิดกฎหมาย อธิบดีหลินฯ ชี้ว่า ไต้หวันกำลังเร่งวางแผนแก้ไขข้อกฎหมายเพื่อป้องกันการค้าผลิตผลป่าไม้ที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยหลังจากที่ผ่านกระบวนการแก้ไขกฎหมายแล้ว จะเรียกร้องให้ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกต้องแสดงหลักฐานเอกสารที่ระบุถึงการได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายในประเทศหรือตามกฎระเบียบว่าด้วยการตัดไม้ในประเทศ เพื่อเชื่อมโยงสู่มาตรการว่าด้วยการปราบปรามการค้าผลิตผลป่าไม้ที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อไป
คณะตัวแทนไต้หวันและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก เข้าร่วมการประชุมแบบทวิภาคี
ในระหว่างการประชุม อธิบดีหลินฯ ได้นำคณะเข้าร่วมหารือแบบทวิภาคีกับคณะตัวแทนของญี่ปุ่น ออสเตรเลียและเกาหลีใต้ โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นเชิงกว้างในประเด็นต่างๆ อาทิ แนวทางการยกระดับอัตราการผลิตไม้ให้เพียงพอสำหรับภายในประเทศ การยกระดับกลไกการกักเก็บคาร์บอน เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050 และการปราบปรามผลิตผลป่าไม้ที่ได้มาด้วยแนวทางที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการส่งเสริมการค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากจะได้รับข้อคิดจากประสบการณ์การผลักดันอุตสาหกรรมป่าไม้เพื่อการผ่อนคลายของเกาหลีใต้ และประสบการณ์การผลักดันผลิตผลป่าไม้ที่ผลิตในประเทศของญี่ปุ่นแล้ว อธิบดีหลินฯ ยังได้ร่วมแบ่งปันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และผลสัมฤทธิ์ด้านการจัดตั้งระบบการตรวจสอบย้อนกลับของผลิตผลป่าไม้ของไต้หวัน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบการตรวจสอบข้างต้น และประยุกต์ใช้การตรวจสอบพันธุกรรมทาง DNA ในการระบุตัวตนของต้นสนไซเปรส เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจหาร่องรอยการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ของไต้หวันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่คณะตัวแทนของออสเตรเลียเป็นอย่างมาก พร้อมคาดหวังที่จะนำข้อคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงลึกต่อไป
