ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 28 ก.พ. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 ก.พ. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเยือนนครไถหนาน เพื่อเข้าร่วม “พิธีรำลึกเนื่องในวาระครบรอบ 76 ปีเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 28 กุมภาพันธ์” โดยปธน.ไช่ฯ นอกจากได้วางพวงหรีดเพื่อแสดงความเคารพและไว้อาลัยแด่เหยื่อทางการเมืองที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้แล้ว ปธน.ไช่ฯ ยังแถลงว่า รัฐบาลไต้หวันได้เร่งมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจการส่งเสริมความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านอย่างกระตือรือร้น เปรียบเสมือนการวิ่งแข่งกับเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เหยื่อทางการเมืองและสมาชิกในครอบครัว คาดหวังมาเป็นเวลานาน และเป็นภารกิจความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หลังจากที่ไต้หวันก้าวเข้าสู่กระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ โดยปธน.ไช่ฯ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานยืนหยัดในจุดยืนอย่างหนักแน่น ควบคู่ไปกับการเร่งบรรลุภารกิจประการสำคัญอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนชาวไต้หวันแสวงหาเสรีภาพและความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างมีเกียรติ ร่วมแลกเปลี่ยนกับนานาประเทศทั่วโลกได้อย่างสมเกียรติ และสามารถเป็นตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี จึงจะถือเป็นรูปแบบของการรำลึกต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในอดีต ได้อย่างดีที่สุด
การกล่าวปราศรัยของปธน.ไช่ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ :
วันนี้เป็นวันครบรอบ 76 ปีแห่งเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 28 กุมภาพันธ์ ในนครไถหนานมีอนุสรณ์สถาน 28 กุมภาพันธ์ตั้งอยู่ 2 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสถานที่แห่งนี้ที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งบริเวณยอดของตัวอนุสรณ์เป็นรูปทรงกระถาง 3 ขาของจีนที่ทรุดโทรมเสียหาย สื่อให้เห็นถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ โดยฝั่งตรงข้ามของอนุสรณ์สถาน คือศาลาว่าการเทศบาลนครไถหนาน ถือเป็นเครื่องเตือนใจให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐร่วมจดจำบทเรียนราคาแพงในห้วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในพื้นที่นครไถหนานยังมีสวนอนุสรณ์วีรชนทังเต๋อจาง ซึ่งเป็นสถานที่วีรชนทังฯ สละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องพลเมืองในนครไถหนาน เนื่องจากเขาปฏิเสธที่จะนำสมุดบันทึกรายชื่อส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐในยุคสมัยนั้น จึงตัดสินใจทำลายสมุดบันทึกรายชื่อประชาชนทิ้ง และแบกรับข้อกล่าวหาที่ตนมิได้เป็นคนก่อไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งวีรชนทังฯ ต้องพบเจอกับบทลงโทษแสนสาหัสเป็นระยะเวลากว่า 2 วันเต็มๆ และถูกนำตัวไปประจานต่อหน้าประชาชน จนในท้ายที่สุดเขาถูกสังหารด้วยอาวุธปืน จบชีวิตลงอย่างน่าสลด จากเหตุการณ์สละชีวิตตนเพื่อปกป้องส่วนรวมของวีรชนทังฯ ในครั้งนี้ ส่งผลให้นครไถหนานรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่รุนแรงเมื่อครั้งอดีต
ในปี 2021 ที่พักอาศัยในถิ่นกำเนิดของทังเต๋อจางต้องประสบกับวิกฤตการรื้อถอนอาคาร โดยชาวบ้านในพื้นที่ต่างช่วยกันระดมเงินบริจาคเพื่อซื้อที่ดินแห่งนี้ไว้เพื่อการอนุรักษ์ แสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคีของภาคประชาชนที่พร้อมใจกันธำรงรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณของวีรชนทังฯ และยังเป็นสัญญลักษณ์แห่งความกล้าหาญในยุคสมัยอดีตอีกด้วย
เมื่อเดือนกันยายน ปี 2022 อนุสรณ์สถานรำลึกเหตุโศกนาฏกรรม 28 กุมภาพันธ์ ในนครไถหนาน ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยประชาชนสามารถเข้าเยี่ยมชม พร้อมทำความเข้าใจกับคุณประโยชน์ที่เหล่าวีรบุรุษไต้หวันอย่างทังเต๋อจาง และหวังอวี้หลิน ที่ได้ร่วมอุทิศไว้ให้แก่สังคมไต้หวัน ที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐตระหนักถึงความสัจจริงที่ว่า เหล่าวีรบุรุษต่างสละชีวิตของตน เพื่อปกป้องความยุติธรรม ประชาธิปไตยและเสรีภาพในสังคมไต้หวันให้คงอยู่ต่อไป และเป็นเครื่องย้ำเตือนให้พวกเราระลึกอยู่เสมอว่า ห้ามกระทำผิดซ้ำเดิมอีก
ซึ่งนี่คือเหตุผลว่าด้วยเหตุใดรัฐบาลจึงได้เร่งผลักดันภารกิจที่เกี่ยวกับการส่งเสริมความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นระบบ นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ซึ่งตลอดช่วงที่ผ่านมา พวกเราได้มุ่งมั่นบัญญัติข้อกฎหมายใน “กฎหมายว่าด้วยระบบพรรคการเมือง” “กฎหมายว่าด้วยความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน” และ “กฎหมายว่าด้วยข้อมูลทางราชการ” โดยขณะนี้ ภารกิจการส่งเสริมความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านยังอยู่ระหว่างการสั่งสมผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง
โดยภารกิจขั้นต้นในปัจจุบันที่รัฐบาลไต้หวันมุ่งมั่นผลักดัน สรุปโดยสังเขปได้ดังนี้ :
อันดับแรก ในส่วนของการปลอบประโลมและชดเชยเหยื่อทางการเมือง พวกเราได้ถอดถอนคำฟ้องที่ไม่เป็นธรรม รวมกว่า 5,983 กรณี นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลได้ลบล้างประวัติการกระทำความผิดของเหยื่อทางการเมือง เพื่อลบตราบาปที่ฝังอยู่ในจิตใจของเหล่าวีรบุรุษและผู้อาวุโสที่ประสบกับความไม่เป็นธรรมมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล สามารถรวบรวมข้อมูลการใช้อำนาจรัฐในยุคระบอบเผด็จการได้เป็นจำนวนกว่า 7,572 กรณี โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันการรวบรวม การเปิดกว้างและการวิจัยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มีความชัดเจนเด่นชัดยิ่งขึ้น ผ่านการปลดล็อคและประยุกต์ใช้ข้อมูลเหล่านี้ ตลอดจนร่วมสรรค์สร้างความทรงจำในประวัติศาสตร์ให้แก่ประชาชนชาวไต้หวันใหม่อีกครั้ง
ประการที่ 2 ในส่วนของการพิจารณาทบทวนความทรงจำทางประวัติศาสตร์ รัฐบาลได้รวบรวมพื้นที่ก่อเหตุทางประวัติศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยธรรม รวม 42 แห่ง ซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งฟื้นฟูให้กลับมาคึกคักอย่างกระตือรือร้น ซึ่งพวกเราต้องเร่งส่งเสริมให้สถานที่เหล่านี้ พลิกบทบาทสู่การเป็นฐานการศึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ความยุติธรรม เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลังต่อไป
โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา “โครงสร้างแผนปฏิบัติการด้านการศึกษาว่าด้วยความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน” ได้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการนำเอาองค์ประกอบการส่งเสริมความยุติธรรมเข้าสู่ภาคการศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยได้มีการเร่งประชาสัมพันธ์ทั้งในสถานศึกษา กลุ่มเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและภาคประชาสังคม เป็นต้น
ประการที่ 3 ในด้านการจัดตั้งกลไกรองรับ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2022 “คณะกรรมการความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน” ได้ปฏิบัติภารกิจเบื้องต้นแล้วเสร็จ โดยสภาบริหารซึ่งเป็นหน่วยงานระดับสูงรับหน้าที่จัดการประชุม “รายงานว่าด้วยการผลักดันความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน” รวมถึงบูรณาการและกำกับดูแลการดำเนินงานของทุกหน่วยงาน
ประการสุดท้าย ในด้านการบัญญัติระบบกฎหมาย “กฎหมายว่าด้วยข้อมูลทางราชการ” ได้มีการยื่นเสนอญัตติปรับปรุงแก้ไขแล้ว โดยได้มีการชี้แจงรายงานความคาดการณ์ในวันนี้ โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะเห็นข้อมูลทางราชการได้รับการนำไปประยุกต์ใช้โดยภาคประชาชนส่วนรวม ผ่านการแก้ไขข้อกฎหมายในครั้งนี้
ปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะเห็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้รับการบัญญัติให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีนี้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างให้ระบบกฎหมายมีความสมบูรณ์ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น