ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับ “คณะพัฒนาธุรกิจด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ”
2023-09-19
New Southbound Policy。ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับ “คณะพัฒนาธุรกิจด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับ “คณะพัฒนาธุรกิจด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 18 ก.ย. 66
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “คณะพัฒนาธุรกิจด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ” โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นประเด็นที่ไต้หวัน - สหรัฐฯ ต่างให้ความสำคัญร่วมกัน  หลายปีมานี้ ไต้หวัน - สหรัฐฯ นอกจากจะประสานความร่วมมือทางเทคโนโลยีแล้ว ยังมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันในเชิงลึกอีกด้วย ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันยินดีที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่สหรัฐฯ และพันธมิตรด้านประชาธิปไตยทั่วโลก โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังว่า ภายใต้การสนับสนุนของอาคันตุกะที่เดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายมุ่งเสริมสร้างกลไกความมั่นคงทางไซเบอร์ ควบคู่ไปกับการยกระดับข้อได้เปรียบด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาที่มั่นคงและก้าวหน้าสู่ประชาคมโลก
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ข้าพเจ้าขอให้การต้อนรับ Dr. Laurie E. Locascio ผู้อำนวยการสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ (National Institute of Standards and Technology, NIST) ที่นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก และรู้สึกยินดีที่มีโอกาสให้การต้อนรับคณะตัวแทนในครั้งนี้ หลายปีมานี้ ความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นประเด็นที่ไต้หวัน - สหรัฐฯ ให้ความสำคัญร่วมกัน จึงคาดหวังที่จะเห็นการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
 
ปธน.ไช่ฯ หยิบยกกรณีตัวอย่าง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาดิจิทัล สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมความมั่นคงทางไซเบอร์ระดับโลก และได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับคณะตัวแทน NIST ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดมาตรฐานความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ และกลไกการป้องปรามความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นต้น อีกทั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ พวกเราได้จัด “การประชุมเสวนาทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยี” ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ครั้งที่ 1 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการเปิดการเสวนาเชิงนโยบายระดับสูงต่อประเด็นด้านเทคโนโลยี หลังจากที่ได้มีการร่วมลงนาม “ความตกลงทางความร่วมมือเชิงเทคโนโลยี” ระหว่างกันเมื่อปี 2020 โดย NIST ก็ได้เข้าร่วมการประชุมเสวนาในครั้งนี้ ซึ่งมีนัยสำคัญสำหรับความร่วมมือทางเทคโนโลยีระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
 
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า นอกจากความร่วมมือทางเทคโนโลยีแล้ว ไต้หวัน - สหรัฐฯ ยังมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันอย่างกระตือรือร้น โดยในเดือนมิถุนายนปีนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามความตกลงฉบับแรก ภายใต้ “แผนริเริ่มทางการค้าไต้หวัน-สหรัฐฯ แห่งศตวรรษที่ 21” ก้าวขึ้นสู่หลักชัยใหม่ด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญต่อประเด็นการหลีกเลี่ยงและป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อน ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ พร้อมทั้งหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมลงนาม “ความตกลงว่าด้วยการหลีกเลี่ยงและป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อน” (ADTA) ระหว่างกันในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ความร่วมมือทางอุตสาหกรรมแบบทวิภาคี เป็นไปอย่างแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
 
ปธน.ไช่ฯ เชื่อมั่นว่า การเดินทางมาเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้ จะสามารถกระตุ้นความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างนี้ คณะตัวแทนยังมีกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรมวันแห่งโอกาสธุรกิจสหรัฐฯ และการประชุมด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ พร้อมทั้งเข้าเยี่ยมชมหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางความรับมือกับอุปสรรคความท้าทายที่เกิดจากความมั่นคงทางไซเบอร์
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นต้นมา ได้มุ่งดำเนินภารกิจที่ยึดหลักแนวคิด “ความมั่นคงทางไซเบอร์คือความมั่นคงระดับชาติ” ควบคู่ไปกับการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยไต้หวันยินดีที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่สหรัฐฯ และพันธมิตรด้านประชาธิปไตยทั่วโลก
 
ในลำดับต่อไป Dr. Locascio กล่าวปราศรัย โดยระบุว่า ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้นำคณะพัฒนาธุรกิจด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน โดยผู้ประกอบการ 13 ราย ที่ร่วมเดินทางมากับเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ต่างก็คาดหวังที่จะร่วมแลกเปลี่ยนกับเหล่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมความมั่นคงทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีความทันสมัยของไต้หวัน รวมถึงซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญของไต้หวัน เพื่อส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
 
Dr. Locascio ระบุว่า ไต้หวันเป็นมิตรสหายและหุ้นส่วนทางการค้าที่สำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก โดย Dr. Locascio มีความยินดีเป็นอย่างมากที่มีส่วนร่วมมุ่งมั่นในภารกิจความมั่นคงทางไซเบอร์ ภายใต้ “กรอบความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนทางเทคโนโลยี” (TTIC) ที่ร่วมลงนามโดย Mr. Gina Raimondo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพาณิชย์ของสหรัฐฯ และนางหวังเหม่ยฮัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน ไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ปี 2021
 
Dr. Locascio แถลงว่า นับตั้งแต่ที่ปธน.ไช่ฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวันเป็นต้นมา ก็ได้มุ่งให้ความสำคัญต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ ตลอดมาอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะเห็นได้จากการจัดตั้งกระทรวงพัฒนาดิจิทัลของไต้หวันขึ้นเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลโจ ไบเดน ก็ยังได้ประกาศใช้ “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติ” (NCS) ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีเนื้อความที่ระบุว่า การสร้างปฏิสัมพันธ์และประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ถือเป็นภารกิจอันดับต้นๆ โดย Dr. Locascio หวังที่จะร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนกับออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาดิจิทัลไต้หวัน และผู้นำแวดวงอุตสาหกรรมของไต้หวัน ในประเด็นแนวทางการประสานความร่วมมือและสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ที่มีศักยภาพที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ผ่านการประสานงานของสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT) โดยหวังว่าจะสามารถส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในหน่วยงานเอกชน หันมาเคารพมาตรฐานความมั่นคงทางไซเบอร์ รวมไปถึงกฎกติกาและแนวทางที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ
 
Dr. Locascio กล่าวว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา พวกเรายังได้ยกระดับกรอบความมั่นคงทางไซเบอร์ (Cybersecurity Framework) ของ NIST ก้าวขึ้นสู่กรอบความมั่นคงทางไซเบอร์ 2.0 เนื่องจากคาดหวังที่จะร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของไต้หวัน ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันในการกำหนดให้กรอบความร่วมมือนี้ เป็นอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการบริหารควบคุมและป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ และผู้ใช้งานจากทุกพื้นที่ทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
Dr. Locascio กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางไซเบอร์ พร้อมทั้งมุ่งมั่นปกป้องประชาชนของตนเอง รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการแฮกข้อมูลหรือการถูกจับตามองที่ไม่จำเป็น รวมไปถึงการล้วงความลับทางการค้าและการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล โดย Dr. Locascio เชื่อว่า จากการเดินทางมาเยือนไต้หวันของคณะในครั้งนี้ ไต้หวันจะได้รับยุทธศาสตร์และเครื่องมือที่จำเป็นในการเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ ให้เกิดความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป