ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.และรองปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วม “งานเลี้ยงขอบคุณมูลนิธิสวัสดิการสังคมไต้หวัน ปี 2566”
2023-12-19
New Southbound Policy。ปธน.และรองปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วม “งานเลี้ยงขอบคุณมูลนิธิสวัสดิการสังคมไต้หวัน ปี 2566” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.และรองปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วม “งานเลี้ยงขอบคุณมูลนิธิสวัสดิการสังคมไต้หวัน ปี 2566” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 18 ธ.ค. 66
 
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 ธ.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และนายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “งานเลี้ยงขอบคุณมูลนิธิสวัสดิการสังคมไต้หวัน ปี 2566” ที่มุ่งมั่นทุ่มเทในภารกิจการดูแลใส่ใจประชาชน พร้อมทั้งเสนอคำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐเสมอมา ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า “กฎหมายขั้นพื้นฐานด้านสวัสดิการสังคม” ได้เสร็จสิ้นขั้นตอนของการบัญญัติเป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นการกำหนดแนวทางขั้นพื้นฐานของสวัสดิการแห่งชาติแล้ว ยังเป็นการสร้างหลักประกันการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมอีกด้วย ในอนาคต ปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อส่งเสริมให้นโยบายสวัสดิการสังคมมีความครอบคลุม และส่งเสริมให้เครือข่ายความมั่นคงทางสังคม มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
 
หลังจากที่ปธน.ไช่ฯ เดินทางถึงงานเลี้ยง ก็ได้ทำพิธีมอบ “รางวัลการอุทิศคุณประโยชน์เพื่อสวัสดิการสังคมประจำปี” และ “วิสาหกิจที่สนับสนุนการกุศล” ให้แก่ตัวแทนรับมอบ ปธน.ไช่ฯ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ปีนี้เป็นปีที่ 5 ที่ตนเข้าร่วม “งานเลี้ยงขอบคุณมูลนิธิสวัสดิการสังคมไต้หวัน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความนับถือและขอบคุณด้วยใจจริงต่อมิตรสหายในแวดวงสวัสดิการสังคม
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า พวกเรามีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วมกัน นั่นก็คือหวังที่จะส่งเสริมให้นโยบายสวัสดิการสังคมมีความครอบคลุม และส่งเสริมให้เครือข่ายความมั่นคงทางสังคม มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยปธน.ไช่ฯ ยังชี้แจงอีกว่า งบประมาณประจำปีหน้านี้ รายจ่ายด้านสวัสดิการสังคมยังคงครองสัดส่วนที่สูงที่สุด และเป็นส่วนที่ได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มมากที่สุด
 
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันนโยบาย “รัฐบาลช่วยเลี้ยงดูเด็กวัย 0-6 ปี” ซึ่งงบประมาณการจัดสรรได้ยกระดับเพิ่มขึ้นจาก 15,000 ล้านเหรียญไต้หวันในปี 2016 มาสู่หลักแสนล้านในปีนี้  ซึ่งในปีหน้านี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 120,000 ล้านเหรียญไต้หวัน นับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนงบประมาณการดูแลผู้สูงอายุ ก็เพิ่มขึ้นจาก 5,000 ล้านเหรียญไต้หวันในปี 2016 มาเป็น 87,000 ล้านเหรียญไต้หวันในปีหน้า อีกทั้งจุดให้บริการดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศ ก็เพิ่มขึ้นจาก 700 กว่าแห่ง มาสู่ 13,000 แห่ง
 
ในระหว่างการผลักดันนโยบายการดูแลผู้สูงอายุ 2.0 มีผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงสาขาต่างๆ เข้าร่วมมากมาย ทั้งเภสัชกรและทันตแพทย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่พวกเราคาดหวังไว้ ด้วยการมุ่งให้ความช่วยเหลือคนที่มีความต้องการ ผ่านการผนึกกำลังของภาคประชาสังคม ควบคู่ไปกับการเปิดให้บริการในช่องทางที่หลากหลาย
 
ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า เมื่อมองย้อนพิจารณาตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา พัฒนาการด้านนโยบายสวัสดิการต่างๆ ของรัฐบาล ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากความช่วยเหลือของทุกฝ่าย ซึ่งสำแดงให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพและความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ในลำดับต่อมา “กฎหมายว่าด้วยการช่วยเหลือสังคม” และ “กรอบโครงสร้างนโยบายสวัสดิการสังคม” ที่ภาคประชาชนมุ่งให้ความสำคัญ ปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะเห็นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือในการสรรค์สร้างผลสัมฤทธิ์ที่ดียิ่ง ขึ้น ในภายภาคหน้า
 
รองปธน.ไล่ฯ ก็ได้แถลงว่า ทุกสถานที่ที่มีความต้องการ ไต้หวันพร้อมยื่นมือให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที นับว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง  พร้อมนี้ รองปธน.ไล่ฯ ยังให้การยอมรับต่อมูลนิธิสวัสดิการสังคมไต้หวัน ว่าเป็นหน่วยงานที่ให้การดูแลกลุ่มด้อยโอกาส พร้อมทั้งขอบคุณทุกคนที่มุ่งบ่มเพาะบุคลากรยอดเยี่ยม เพื่อสร้างคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม
 
ในช่วงท้าย รองปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจของไต้หวันถือเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาคมโลก และประชาธิปไตยของไต้หวัน ก็นับเป็นต้นแบบที่ยอดเยี่ยมระดับสากล รองปธน.ไล่ฯ จึงคาดหวังที่จะเห็นทุกฝ่ายมุ่งประสานความร่วมมือในการส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนสืบไป