ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่นสพ.Le Monde ของฝรั่งเศส ประณามรัฐบาลปักกิ่งที่จงใจเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน และการแทรกแซงการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน
2024-01-04
New Southbound Policy。รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่นสพ.Le Monde ของฝรั่งเศส ประณามรัฐบาลปักกิ่งที่จงใจเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน และการแทรกแซงการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่นสพ.Le Monde ของฝรั่งเศส ประณามรัฐบาลปักกิ่งที่จงใจเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน และการแทรกแซงการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 3 ม.ค. 67
 
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ปี 2566 นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แก่ Ms. Florence de Changy ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ Le Monde ของฝรั่งเศสที่ประจำการอยู่ในฮ่องกง โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ลงในหน้าข่าวต่างประเทศเต็มหน้ากระดาษ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา ในหัวข้อ “รมว.กต.ไต้หวันแถลงว่า การแทรกแซงจากจีนนับวันยิ่งทวีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” โดยเว็บไซต์ทางการของหนังสือพิมพ์ Le Monde  ได้รายงานข่าวนี้เป็นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ซึ่งได้รับความสนใจจากบุคคลในทุกแวดวง
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า จีนไม่เคารพเงื่อนไขการธำรงรักษาสถานภาพเดิมของช่องแคบไต้หวัน ที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นร่วมกันมานาน โดยได้ทำการข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทหาร ในขอบเขตที่เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไต้หวันก็ยังคงมุ่งมั่นธำรงสถานภาพเดิมที่เปี่ยมด้วยสันติภาพ หลีกเลี่ยงมิให้จีนมีข้ออ้างในการก่อสงครามกับไต้หวัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศ เพื่อให้จีนตระหนักว่า การเข้ารุกรานไต้หวันมิใช่เรื่องง่าย สงครามนำมาซึ่งความหายนะ เนื่องจากสงครามช่องแคบไต้หวันมิใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา และมิใช่ว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไต้หวันในฐานะสมาชิกของประชาคมโลกที่มีความรับผิดชอบ จะมุ่งหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามอย่างเต็มกำลัง
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า นอกจากการข่มขู่ด้วยกำลังทหารแล้ว จีนยังก่อกวนไต้หวันด้วยสงครามทางกฎหมาย ผ่านการบิดเบือนข้อเท็จจริงในญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 พร้อมทั้งจงใจเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อชาวโลกว่า “ไต้หวันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของจีน” และ “ช่องแคบไต้หวันเป็นน่านน้ำภายในของจีน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว จีนไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในไต้หวัน และไม่เคยเข้าปกครองไต้หวันเลยแม้แต่วันเดียว ตลอดจนไม่มีสิทธิกล่าวอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ยังดีที่ประชาคมโลกต่างตระหนักว่า ช่องแคบไต้หวันเป็นน่านน้ำสากล ประกอบกับสหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษและออสเตรเลีย ต่างจัดส่งเรือรบแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน เพื่อปฏิบัติภารกิจรักษาเสรีภาพในการเดินเรือ  เพื่อร่วมธำรงรักษาสถานภาพเดิมของน่านน้ำในช่องแคบไต้หวัน ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า พวกเรายินดีที่ได้เห็นกลุ่มประเทศประชาธิปไตยแสดงจุดยืนว่าด้วยความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมช่องแคบไต้หวันในปัจจุบัน โดยเฉพาะการใช้กำลังอาวุธหรือการสร้างแรงกดดัน นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังรู้สึกยินดีที่รัฐสภาฝรั่งเศสมีมติรับรอง “กฎหมายการจัดตั้งกองทัพในระยะเวลา 7 ปี” (LPM 2024-2030) เมื่อเดือนส.ค. ปี 2566 ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศสร่วมธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก โดยรมว.อู๋ฯ ยังเน้นย้ำอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ แข็งแกร่งดุจหินผา แม้ว่ารัฐบาลปักกิ่งจะอาศัยข่าวปลอมในการบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนชาวไต้หวันที่มีต่อสหรัฐฯ แต่ในความเป็นจริงก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า “จีนข่มขู่ไต้หวันทุกวิถีทาง แต่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มกำลัง”
 
สำหรับกรณีการเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ด้วยสงครามลูกผสม อย่างการแพร่กระจายข่าวปลอม การโจมตีทางไซเบอร์ การแทรกแซงหรือการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ รมว.อู๋ฯ ชี้แจงว่า จีนจงใจสร้างภาพลวงของการเลือกตั้งในไต้หวันครั้งนี้ว่า เป็นการเลือกระหว่างสงครามหรือสันติภาพ แต่ชาวไต้หวันได้ก้าวผ่านการเลือกตั้งในระบอบเสรีประชาธิปไตยมาหลายต่อหลายครั้ง เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก ก็สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสติและความสุขุมเยือกเย็น จากนั้นตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อแสดงให้ประชาคมโลกได้ประจักษ์ว่า ไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้ว อนาคตของไต้หวันควรขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกันของประชาชนชาวไต้หวัน