กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 2 มี.ค. 67
 
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Cornelius Dieckmann ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ Der Spiegel ของเยอรมนี โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมาในหัวข้อ “อนาคตของไต้หวัน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของยูเครนหรือไม่” โดยได้มีการอัปโหลดลงบนเว็บไซต์ข่าวควบคู่กัน และได้รับความสนใจจากทุกแวดวงในเยอรมนีและกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อปี 2565 ในขณะที่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครน ประชาชนของไต้หวันที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากจีนมาเป็นระยะเวลานาน ต่างก็มีปฏิกริยาตอบโต้ที่รุนแรง เนื่องจากพวกเราตระหนักดีว่า ผู้นำเผด็จการไม่มีทางเคารพกฎกติการะหว่างประเทศ พฤติกรรมการรุกรานยูเครนของรัสเซียและการทำลายล้างในวงกว้างเช่นนี้ อาจเกิดขึ้นในไต้หวันได้เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลและประชาชนชาวไต้หวันจึงได้ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมาก ในการยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน โดยหวังว่า พลังการสนับสนุนจากไต้หวันจะสามารถปลุกพลังความฮึกเหิมให้แก่ชาวยูเครน ในการสกัดกั้นการรุกรานจากกองทัพรัสเซียอย่างกล้าหาญต่อไป

รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า หากรัสเซียได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นการส่งเสริมการแผ่ขยายอิทธิพลอำนาจของจีนออกไปมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การที่ประชาคมโลกร่วมผนึกกำลังในการสกัดกั้นรัสเซียและให้การสนับสนุนนยูเครนอย่างหนักแน่น ยังถือเป็นการแจ้งเตือนต่อผู้นำจีนว่า หากลัทธิอำนาจนิยมโจมตีกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นไต้หวัน ญี่ปุ่น หรือฟิลิปปินส์ ก็จะต้องได้รับบทลงโทษตามมาตรฐานเดียวกันในระดับสากล ส่วนแนวคิดที่ว่ากลุ่มประเทศตะวันตกควรลดการให้ความช่วยเหลือต่อยูเครน และหันมาสนับสนุนไต้หวันในการสกัดกั้นภัยคุกคามจากจีนนั้น รมว. อู๋ฯ แสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วย พร้อมย้ำว่า การให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนของสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศตะวันตก มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การที่สหรัฐฯ สามารถรักษาคำมั่นที่ให้ไว้ต่อยูเครนได้นั้น ก็เป็นเครื่องบ่งชี้สำคัญที่สามารถทำให้รัฐบาลไต้หวันรับรู้ว่า สหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มกำลัง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในช่องแคบไต้หวัน ตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หากรัสเซียคว้าชัยชนะไปครอง นอกจากจะเป็นความล้มเหลวของยูเครนแล้ว ยังเป็นความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ของการที่กลุ่มประเทศตะวันตกที่ไม่สามารถปกป้องประเทศประชาธิปไตย จากการตกเป็นเบี้ยล่างของกลุ่มประเทศเผด็จการได้ ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลปักกิ่งเข้าใจว่า สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศตะวันตกจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันได้ อันจะนำไปสู่การตีความที่ผิดและการกำหนดนโยบายในทิศทางที่ขัดต่อความเป็นจริง ด้วยเหตุนี้ ประชาคมโลกจึงควรที่จะส่งมอบความช่วยเหลือให้ยูเครนอย่างต่อเนื่อง เพราะในอีกมุมหนึ่ง ก็ถือว่ามีความสำคัญต่อไต้หวันด้วยเช่นเดียวกัน
 
หลังจากที่รมว.อู๋ฯ ได้เสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์แล้ว ก็ได้โชว์ของที่ระลึกต่อหน้าผู้สื่อข่าวประกอบด้วย นวมที่มีลายเซนต์ของนายวิตาลี คลิตช์โก (Vitali Klitschko) นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ และธงชาติยูเครนที่มีลายมือชื่อของวีรชนผู้กล้าหาญชาวยูเครนที่ต่อสู้และปฏิบัติภารกิจอยู่แนวหน้า ซึ่งได้รับมอบจากคณะตัวแทนชาวยูเครน พร้อมกล่าวว่า ของขวัญเหล่านี้เป็นสิ่งแทนคำขอบคุณจากประชาชนชาวยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากไต้หวัน และเป็นการส่งผ่านความกล้าหาญและความฮึกเฮิมของประชาชนชาวยูเครน ที่ยังคงยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของอำนาจเผด็จการอย่างมุ่งมั่นและแน่วแน่