กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 24 มี.ค. 67
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา ตามเวลาเขตตะวันออกของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามใน “งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568” (The President’s FY 2025 Budget Request) อันเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนกระบวนการบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อให้การสนับสนุนต่อแผนข้อเสนอและมาตรการต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อไต้หวัน ด้วยการอัดฉีดงบประมาณทางการเงิน
หลายปีมานี้ “งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568” มีความสำคัญในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของการขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนเชิงลึกกับไต้หวัน ซึ่งได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดสรรเงินช่วยเหลือ ภายใต้โครงการเงินช่วยเหลือทางการทหาร (Foreign Military Financing, FMF) ของสหรัฐฯ ในวงเงินที่ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อั้นเป็นเงินช่วยเหลือที่ไม่ต้องชดใช้คืน นอกจากนี้ “โครงการความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ” ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้ส่งเสริมการสร้างความร่วมมือกับไต้หวัน ควบคู่ไปกับการอนุมัติงบประมาณ ภายใต้กรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) ที่มีวงเงินไม่ต่ำกว่า 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลอดจนกำหนดให้มีการปฏิรูปกระบวนการอนุมัติการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้เป็นภารกิจในลำดับต้นๆ เพื่อส่งมอบอาวุธให้แก่ไต้หวันได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตลอดจนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาแบบข้ามพรรคในรัฐสภาสหรัฐฯ และคณะรัฐบาลภายใต้การนำของ ปธน.ไบเดน ที่มุ่งให้การสนับสนุนความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนอย่างครอบคลุม ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ผ่านวิธีการที่เป็นรูปธรรม เช่น การบัญญัติกฎหมาย รวมไปถึงการยื่นเสนอนโยบายที่หลากหลายและเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการอัดฉีดงบประมาณรายจ่าย ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ พร้อมทั้งเสริมสร้างความทรหดทางกลาโหมในภาพรวมของไต้หวัน ตลอดจนเป็นการขยายพื้นที่ในเวทีนานาชาติของไต้หวันไปพร้อมกัน
หลังจากนี้ รัฐบาลไต้หวันจะมุ่งผลักดันการปฏิรูปทางกลาโหม เพื่อเสริมสร้างแสนยานุภาพการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง และจะประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ในการบรรลุข้อตกลงที่เป็นมิตรต่อไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนอย่างครอบคลุม ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ตลอดจนร่วมแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก เพื่อปกป้องสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในช่องแคบไต้หวันและในภูมิภาค ให้คงอยู่สืบไป