ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รำลึกวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” ไต้หวันจะร่วมมือกับประเทศประชาธิปไตยที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันปกป้องเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความเจริญรุ่งเรืองของโลก
2024-04-11
New Southbound Policy。รำลึกวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” ไต้หวันจะร่วมมือกับประเทศประชาธิปไตยที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันปกป้องเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความเจริญรุ่งเรืองของโลก (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
รำลึกวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” ไต้หวันจะร่วมมือกับประเทศประชาธิปไตยที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันปกป้องเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความเจริญรุ่งเรืองของโลก (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 10 เม.ย. 67
 
วันที่ 10 เมษายนของปีนี้ ตรงกับวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 ที่ได้มีการบังคับใช้ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” เป็นต้นมา กฎหมายดังกล่าวได้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญทางความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ภายใต้การสนับสนุนของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ แบบข้ามพรรค ที่เป็นไปอย่างหนักแน่นและแข็งแกร่ง ประกอบกับ “หลักประกัน 6 ประการ” ที่เป็นหลักอ้างอิงที่ชัดเจนในการกำหนดและพัฒนานโยบายที่สหรัฐฯ มีต่อไต้หวัน ซึ่งมีความสำคัญต่อไต้หวันและกลุ่มประเทศในภูมิภาค ทั้งในด้านความมั่นคง สันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรือง “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงคำมั่นสัญญาที่สหรัฐฯ มีต่อไต้หวัน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการค้าและวัฒนธรรม ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ และมุ่งให้การสนับสนุนไต้หวันในการสวมบทบาทเป็นประภาคารด้านประชาธิปไตย และเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาไปอย่างเจริญรุ่งโรจน์อย่างต่อเนื่อง และเป็นอาณาจักรสำคัญทางด้านเทคโนโลยี โดยความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ยังคงได้รับการยกระดับให้เกิดความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จนก้าวไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางความมั่นคงและเศรษฐกิจแบบทวิภาคีระหว่างกัน
 
Mr. Kurt Campbell รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ชี้แจงถึงความสำคัญของกฎหมายข้างต้นและความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ เนื่องในวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” รวมไปถึงการสวมบทบาทที่สำคัญอย่าง “ผู้สร้างหลักประกัน” ด้านสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ที่สหรัฐฯ สวมบทบาทภายใต้กฎหมายข้างต้น กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รู้สึกยินดีและขอแสดงความขอบคุณต่อหน่วยงานบริหารและรัฐสภาสหรัฐฯ ที่มุ่งบรรลุคำมั่นสัญญาที่ระบุไว้ใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการให้ความช่วยเหลือเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหมด้วยการพึ่งพาตนเองของไต้หวัน รวมไปถึงการสนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำสหรัฐฯ ได้มีการประกาศอนุมัติจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวัน เป็นครั้งที่ 13  แล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของสหรัฐฯ ยังได้ประสานความร่วมมือกับพันธมิตรในการออกแถลงการณ์ และจัดตั้งกองเรือรบเพื่อสอดส่องตรวจตราความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันของรัฐบาลสหรัฐฯ นอกจากนี้ ไต้หวัน - สหรัฐฯ ยังมุ่งมั่นประสานความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและการค้าอย่างต่อเนื่อง โดย “แผนริเริ่มทางการค้าไต้หวัน-สหรัฐฯ แห่งศตวรรษที่ 21” ถือเป็นการเจรจาทางการค้าที่ครอบคลุมระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 เป็นต้นมา และเป็นความตกลงทางเศรษฐกิจและการค้า ที่ลงนามกับต่างประเทศ เพียงฉบับเดียวในวาระตำแหน่งของปธน.ไบเดน
 
การประชุมรัฐสภาสหรัฐฯ วาระที่ 118 ที่ผ่านมา เหล่าสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ยังคงมุ่งให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการบัญญัติกฎหมาย การเป็นกระบอกเสียงอย่างเปิดเผย และร่วมลงนามในหนังสือเรียกร้องต่อองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งญัตติที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในองค์การระหว่างประเทศ มีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
 
หลังจากนี้ กต.ไต้หวันจะยังคงยึดมั่นในหลักการความเชื่อมั่น การเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนอย่างครอบคลุมระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งดุจหินผา พร้อมเสริมสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในทุกภาคส่วน ตลอดจนประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ เพื่อร่วมปกป้องความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานกฎกติกาสากล ตลอดจนมุ่งธำรงรักษาสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป