ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นรม.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับ Mr. Lutz Güllner ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้ายุโรปประจำไต้หวัน คาดหวังให้ทั้งสองฝ่ายร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ พร้อมร่วมกันรักษาความสัมพันธ์ ระหว่างไต้หวัน – EU ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
2024-10-17
New Southbound Policy。นรม.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับ Mr. Lutz Güllner ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้ายุโรปประจำไต้หวัน คาดหวังให้ทั้งสองฝ่ายร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ พร้อมร่วมกันรักษาความสัมพันธ์ ระหว่างไต้หวัน – EU ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป (ภาพจากสภาบริหาร)
นรม.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับ Mr. Lutz Güllner ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้ายุโรปประจำไต้หวัน คาดหวังให้ทั้งสองฝ่ายร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ พร้อมร่วมกันรักษาความสัมพันธ์ ระหว่างไต้หวัน – EU ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป (ภาพจากสภาบริหาร)

สภาบริหาร วันที่ 16 ต.ค. 67

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Lutz Güllner ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้ายุโรป (European Economic and Trade Office, EETO) ประจำไต้หวัน พร้อมด้วยคณะ โดยนรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ไต้หวัน – สหภาพยุโรป (EU) เป็นพันธมิตรด้านประชาธิปไตยและหุ้นส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญของกันและกัน นรม.จั๋วฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากที่ผอญ. Güllner ขึ้นรับตำแหน่งแล้ว จะกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายร่วมลงนามในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement, EPA) โดยเร็ววัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม โดยนรม.จั๋วฯ เน้นย้ำว่า เมื่อหลายวันก่อนจีนได้จัดการซ้อมรบขึ้นอีกครั้ง โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงจุดยืนหนักแน่นถึงการธำรงรักษาเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน และทัศนคติที่ยึดมั่นในหลักการสันติภาพ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนว่า ไต้หวันพร้อมแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ นรม.จั๋วฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อพันธมิตรด้านประชาธิปไตยโลกที่ร่วมส่งมอบความสนับสนุนให้แก่ไต้หวัน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไต้หวันและกลุ่มประเทศประชาธิปไตยของ EU จะประสานความร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น เพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์แบบทวิภาคียังคงยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า EU เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงพันธมิตรด้านประชาธิปไตยที่สำคัญของไต้หวันเสมอมา ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า EU เป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไต้หวัน อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่มาของการลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ซึ่งยอดการลงทุนที่ไต้หวันมีต่อยุโรปตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สามารถไล่ทันยอดสะสมรวมตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา จึงถือว่าบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีเยี่ยม และทั้งสองฝ่ายได้ประสานความร่วมมือกันในด้านต่างๆ มากมาย ทั้งด้านเซมิคอนดักเตอร์ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและพลังงานสีเขียว รวมไปถึงความทรหดของระบบห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งล้วนแต่เป็นส่วนสำคัญที่ประชาคมโลกต่างให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
 
โดยเฉพาะปธน.ไล่ฯ ที่ให้ความสำคัญต่อบทบาทและคุณประโยชน์ของไต้หวันที่มีต่อระบบห่วงโซ่อุปทานระดับสากล ด้วยเหตุนี้ สภาบริหารจึงมุ่งพัฒนา “5 อุตสาหกรรมหลักที่เชื่อถือได้” ที่เสนอโดยปธน.ไล่ฯ ประกอบด้วย เซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลาโหม ความมั่นคงทางไซเบอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ โดยหวังว่าในอนาคต ไต้หวัน – EU จะสามารถอ้างอิงรูปแบบ “ความตกลงว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางการค้า” และ “แผนริเริ่มทางการค้าในศตวรรษที่ 21” ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ เพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและลงนาม “ความตกลงเชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ” (EPA) ที่เป็นรูปธรรมต่อไป
 
นรม.จั๋วฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวัน – EU เป็นพันธมิตรด้านประชาธิปไตยที่สำคัญของกันและกัน โดยนรม.จั๋วฯ ขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ EU ที่ได้ชูหลักการความสำคัญของการประสานความร่วมมือกับไต้หวัน ทั้งในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก และญัตติที่เป็นมิตรต่อไต้หวันที่ได้รับมติเห็นชอบจากรัฐสภายุโรป พร้อมกันนี้ ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) กลุ่มประเทศสมาชิก EU ต่างให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างมีความหมาย นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนได้ประกาศจัดการซ้อมรบในพื้นที่รอบน่านน้ำไต้หวัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหภาพยุโรป (European External Action Service, EEAS) ได้ออกแถลงการณ์บ่อยครั้ง เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิม ผ่านวิธีการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร ซึ่งถือเป็นพลังสนับสนุนในประชาคมโลกที่ส่งมอบให้แก่ไต้หวัน
 
ประกอบกับในระยะนี้ อดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเยือนกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐเช็ก และฝรั่งเศส ซึ่งกำหนดการต่อไปคือเบลเยี่ยม โดยอดีตปธน.ไช่ฯ กล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเช็กว่า “ประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้” พร้อมทั้งหวังว่าไต้หวันและกลุ่มประเทศสมาชิก EU จะประสานความร่วมมือกันอย่างแนบแน่นยิ่งขึ้นไปในอนาคต
 
ในลำดับต่อมาเป็นการกล่าวปราศรัยของผอญ. Güllner โดยระบุว่า EU - ไต้หวัน มีโอกาสที่จะสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างกันหลายรายการ นอกจากประเด็นการค้าและการลงทุนแบบดั้งเดิมแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังต้องเผชิญกับประเด็นการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ซึ่งจำเป็นต้องผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดผ่านรูปแบบนวัตกรรม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนระหว่างภาคประชาชน ซึ่งประกอบด้วย ความร่วมมือทางการศึกษาและดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนที่มีศักยภาพในการเปิดบริบทใหม่ทางความร่วมมือในอนาคตเป็นอย่างมาก
 
ผอญ. Güllner ระบุว่า เมื่อช่วงที่ผ่านมา EEAS ได้ประกาศแถลงการณ์ โดยระบุว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน มีนัยยะสำคัญต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและระดับโลก ผอญ. Güllner เน้นย้ำว่า ความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – EU ตั้งอยู่บนค่านิยมร่วมด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางความร่วมมือแบบทวิภาคีต่อไปในอนาคต