
คณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วันที่ 29 ส.ค. 68
เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ “ระบบนิเวศด้านนวัตกรรม” ภายใต้นโยบาย “โครงการความหวังของประเทศชาติ” รัฐบาลจึงได้กำหนดกลยุทธ์หลัก 3 ประการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนากลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ได้แก่ : (1) การอัดฉีดเงินลงทุนเพื่อให้เศรษฐกิจเกิดความเคลื่อนไหวที่มีความคึกคักจากเม็ดเงินที่มีการหมุนเวียนมากขึ้น (2) การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขยายเป้าหมายออกเป็นวงกว้าง และ (3) การยกระดับกลไกการฝึกอบรม เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ โดยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไต้หวัน (NSTC) จึงได้จัด “งานแถลงข่าวเปิดตัวผลสัมฤทธิ์ล่าสุดของระบบนิเวศด้านนวัตกรรม” เพื่อชี้แจงว่า หลายปีมานี้ ศูนย์ Taiwan Tech Arena (TTA) ของไต้หวัน มุ่งผลักดันภารกิจที่เกี่ยวข้องจนสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่ครอบคลุม ทั้งการฝึกอบรมกลุ่มสตาร์ทอัพ รวมจำนวน 1,069 ราย , การดึงดูดเงินลงทุน รวมมูลค่า 40,000 ล้านเหรียญไต้หวัน และการนำกลุ่มสตาร์ทอัพ ก้าวขึ้นสู่เวทีนานาชาติอย่าง งานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับนานาชาติ (International Consumer Electronics Show, CES) และมหกรรมจัดแสดงผลงานนัวตกรรรมและเทคโนโลยี VivaTech เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงสถานการณ์ความคืบหน้าในภาพรวมด้านนวัตกรรม
นายซูเจิ้นกัง รองประธาน NSTC กล่าวว่า TTA มุ่งมั่นจัดตั้งเวทีการแลกเปลี่ยนด้านการประกอบธุรกิจที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งอัดฉีดนวัตกรรมเพื่อการส่งเสริมให้กลุ่มสตาร์ทอัพก้าวทันกระแสโลก ควบคู่ไปกับการนำพากลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ ตลอดจนมุ่งกระชับความร่วมมือระหว่างกลุ่มสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการภาคธุรกิจ จึงอาจกล่าวได้ว่า TTA เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการเชื่อมโยงกลุ่มสตาร์ทอัพของไต้หวันสู่โลกนานาชาติ โดยในอนาคต พวกเราจะยังคงมุ่งขับเคลื่อนศักยภาพทางนวัตกรรมของไต้หวัน ให้ก้าวสู่เวทีโลกต่อไป
การกระตุ้นความร่วมมือระหว่างกลุ่มสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการภาคธุรกิจที่ดำเนินการโดย NSTC ในปีนี้ ประกอบด้วย 5 ทิศทางหลัก ดังนี้ :
1.การสร้างกลไกการจับคู่ระหว่างกลุ่มสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการธรุกิจ : เริ่มจากการซักถามความต้องการของผู้ประกอบการ จากนั้น จึงจะทำการคัดเลือกกลุ่มสตาร์ทอัพที่เปี่ยมศักยภาพด้วยความแม่นยำ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจแบบตัวต่อตัว โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “อากาศยานไร้คนขับ” และ “ระบบอัจฉริยะ” ซึ่งประสบความสำเร็จในการกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือ ระหว่างสตาร์ทอัพและภาคอุตสาหกรรม กว่า 10 รายการ
2. การออกบททดสอบโดยผู้ประกอบการธุรกิจ เพื่อส่งมอบโอกาสให้สตาร์ทอัพเข้าช่วยเหลือแก้ปัญหา : เราจะมุ่งเน้นไปที่ต้นตอปัญหาที่กลุ่มธุรกิจในพื้นที่ทางภาคใต้ของไต้หวันต้องเผชิญหน้า ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านและยกระดับองค์กรธุรกิจ โดยจะมุ่งให้ความช่วยเหลือในการรวบรวมอุปสงค์ และนำทีมสตาร์ทอัพเข้าร่วมระดมสมองในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ เพื่อเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยในปีนี้ได้กระตุ้นให้เกิดความร่วมมือ รวม 9 รายการแล้ว
3. จับมือกับผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ในการจัดการฝึกอบรม : จับมือกับกลุ่มผู้ประกอบการในการจัดตั้งรางวัลนวัตกรรม AI ซึ่งนอกเหนือจากจะการส่งมอบเงินทุนแล้ว ยังจะบูรณาการรวมทรัพยากรการฝึกอบรม เพื่อช่วยส่งเสริมให้กลุ่มสตาร์ทอัพรุกขยายสู่ตลาดใหม่ และเกิดการประยุกต์ใช้ในมิติใหม่ๆ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้สนใจเข้าร่วมลงทะเบียนกว่า 1,439 ราย ซึ่งในท้ายสุด ได้คัดเลือกให้เหลือเพียง 8 กลุ่มเท่านั้นในปีนี้
4. ดึงดูดให้กลุ่มสตาร์ทอัพนานาชาติ เข้าจัดตั้งรากฐานในไต้หวัน : ด้วยจุดแข็งของไต้หวันในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เราจึงจัดการแข่งขัน IC Taiwan Grand Challenge ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับโลกที่เชื่อมโยงชุมชนสตาร์ทอัพนานาชาติ เข้าร่วมสำรวจโอกาสทางธุรกิจระดับโลกในไต้หวัน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาความเกี่ยวโยงทางภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนเร่งกระตุ้นให้การประยุกต์ใช้นวัตกรรมระดับสากล เข้าจัดตั้งรากฐานในไต้หวัน จวบจนปัจจุบัน มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันที่จัดขึ้นรวม 3 รอบแล้วทั้งสิ้น 376 ราย โดยมีเพียง 18 รายที่ได้รับการคัดเลือก
5. ความร่วมมือระหว่างสมาคมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ : เสริมสร้างความร่วมมือกับ SEMI TAIWAN , สมาคมนวัตกรรมและผู้ประกอบการแห่งชาติ (National Innovation and Entrepreneurship Association, NiEA) สมาคมไต้หวันผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน(Taiwan Venture Capital Association, TPCA) และ AWS รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่ ในการส่งมอบโอกาสให้กลุ่มสตาร์ทอัพของ TTA เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้า และกิจกรรมจับคู่ระหว่างกลุ่มสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการธุรกิจ ในภายภาคหน้าต่อไป