นายอู๋เจาเซี่ย รมว.ต่างประเทศกล่าวขณะปราศรัยในพิธีเปิด “การเสวนาว่าด้วยความปลอดภัยของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก” เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ว่า ไต้หวันไม่เคยคิดสกัดกั้นการผงาดขึ้นของประเทศใด ไต้หวันคือหุ้นส่วนในอุดมการณ์ของกลุ่มประเทศที่แสวงหาแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก อีกทั้งยังเป็นแนวหน้าในการปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังยินดีหยิบยื่นความช่วยเหลือและแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ประเทศอื่น สำนักข่าว CNA วันที่ 30 ส.ค. 2561

อู๋เจาเซี่ยเผย ปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ไต้หวันยินดีแบ่งปันประสบการณ์

สำนักข่าว CNA 30 สิงหาคม 2561

นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวขณะปราศรัยในพิธีเปิดการเสวนาว่าด้วยความปลอดภัยของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Security Dialogue) เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมว่า ไต้หวันไม่เคยคิดสกัดกั้นการผงาดขึ้นของประเทศใด ไต้หวันคือหุ้นส่วนในอุดมการณ์ของกลุ่มประเทศที่แสวงหาแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก อีกทั้งยังเป็นแนวหน้าในการปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังยินดีหยิบยื่นความช่วยเหลือและแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ประเทศอื่น

มูลนิธิ Prospect Foundation ของไต้หวัน และ Center for a New American Security (CNAS) ของสหรัฐอเมริการ่วมกับมูลนิธิ The Sasakawa Peace Foundation ของญี่ปุ่น ได้จัดเสวนาว่าด้วยความปลอดภัยของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกภายใต้ประเด็นเรื่อง การร่วมกันผลักดัน“อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” (Free and Open Indo-Pacific) ในวันที่ 30 สิงหาคม ณ โรงแรม Shangri-La's Far Eastern Plaza Hotell, Taipei
 

นายอู๋เจาเซี่ย รมว.ต่างประเทศกล่าวขณะปราศรัยในพิธีเปิดการเสวนาดังกล่าวว่า ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเป็นศูนย์กลางการค้าและอำนาจ อีกทั้งเป็นภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดในโลกกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ดังนั้นภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกจะสามารถพัฒนาให้รุ่งเรืองได้อย่างเสรีหรือไม่ การปฏิสัมพันธ์กันระหว่างประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ จะเป็นไปอย่างเสมอภาคและเคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกันหรือไม่ ล้วนเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชากรจำนวน 4,000 ล้านคนในภูมิภาคนี้ด้วย

รมว.ต่างประเทศไต้หวันชี้ว่า อินโด-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีเสรีและเปิดกว้าง ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด เพราะสามารถรับประกันสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันต้องร่วมกันเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยให้แก่ภูมิภาคนี้ ไต้หวันมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการจัดตั้งประชาสังคม(Civil society) สามารถนำมาใช้เป็นต้นแบบและ ”ไต้หวันพร้อมที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ทุกประเทศ”
 

นายอู๋เจาเซี่ยกล่าวว่า ทุกคนต่างมองเห็นกรอบยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมของความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก อาทิ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมมือกันผลักดันให้มีการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ขณะที่นโยบายมุ่งใต้ใหม่ของไต้หวันก็สามารถเข้าไปมีบทบาทในกรอบความร่วมมือนี้ได้ ไต้หวันยินดีร่วมมือกับทุกประเทศจัดตั้งยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและยินดีแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ประเทศหุ้นส่วน พร้อมกล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานเป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีศักยภาพสูง ดังนั้นไต้หวันจึงทุ่มงบประมาณ 3,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อนำไปใช้สนับสนุนประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ความเชี่ยวชาญด้านการขนส่ง การจัดการด้านโลจิสติกส์และการก่อสร้างของไต้หวันก็สามารถสวมบทบาทสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกในอนาคต

รมว.ต่างประเทศชี้แจงเพิ่มเติมว่า แนวคิด “ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก”ได้รวมถึงบริบทด้านความปลอดภัยด้วย ไต้หวันไม่มีแนวคิดที่จะสกัดกั้นการผงาดขึ้นของประเทศใด แต่สำหรับหลายๆประเทศแล้ว นี่คือโอกาสที่จะเสริมสร้างความปลอดภัยร่วมกัน ดังนั้นขอย้ำเตือนประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันว่า หากต้องการปกป้องสิทธิในการได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคและได้รับการเคารพในศักดิ์ศรีของชาติ ตลอดจนปลอดจากการถูกคุกคาม ประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันต้องสามัคคีและร่วมมือกัน

นายอู๋เจาเซี่ยกล่าวว่า หากพิจารณาจากหลายมิติจะพบว่า การแสวงหาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของประเทศที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน ไต้หวันคือหุ้นส่วนในอุดมการณ์ของแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ไต้หวันสามารถแบ่งปันประสบการณ์ด้านการค้า การลงทุนและความเชี่ยวชาญต่างๆ “เราเป็นแนวหน้าในการปกป้องเสรีภาพ ประชาธิปไตยและค่านิยมที่เราต้องการทนุถนอม ภัยคุกคามที่เรากำลังเผชิญอยู่คือความท้าทายด้านเสรีภาพ เปิดกว้างและความรุ่งเรืองของภูมิภาคนั่นเอง

ในตอนท้ายรมว.ต่างประเทศไต้หวันกล่าวว่า ไต้หวันเห็นว่าภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่มีเสรีภาพและเปิดกว้าง ต้องเกิดจากความร่วมมือกันในภูมิภาค ประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันต้องหารือและร่วมมือกัน และการเสวนากันในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่า ไต้หวันควรจะสวมบทบาทอะไรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก