ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
คณะอาจารย์และนักเรียน HWHS เดินทางไปให้บริการอาสาสมัครด้านการศึกษา ในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทย
2020-02-20

คณะอาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียน HWHS เดินทางไปให้บริการอาสาสมัครด้านการศึกษา ที่พื้นที่ทางภาคเหนือของไทย ตลอดช่วงปิดภาคการศึกษาฤดูหนาวปีนี้ (ภาพจาก HWHS)

คณะอาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียน HWHS เดินทางไปให้บริการอาสาสมัครด้านการศึกษา ที่พื้นที่ทางภาคเหนือของไทย ตลอดช่วงปิดภาคการศึกษาฤดูหนาวปีนี้ (ภาพจาก HWHS)

HWHS วันที่ 19 ก.พ. 63

 

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. โรงเรียนมัธยมศึกษาหงเหวิน (Hong Wen High School, HWHS) ที่ตั้งอยู่ในนครไถจง พื้นที่ทางภาคกลางของไต้หวัน แถลงว่า ในปีนี้ทางโรงเรียนฯ ได้ส่งตัวแทนรวม 52 คน ประกอบด้วย นักเรียน 47 คน อาจารย์ 3 คน และอาจารย์จากโรงเรียนอื่นที่เกษียณอายุราชการแล้วอีก 2 คน เดินทางไปเยือนโรงเรียนบ้านปางมะหันและโรงเรียนประถมศึกษาไท่กวง ซึ่งเป็นโรงเรียนชนบทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทย เพื่อให้บริการอาสาสมัครด้านการศึกษา ในระหว่างวันที่ 30 ม.ค. - 9 ก.พ.


 

HWHS แถลงว่า เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้วเป็นครั้งแรกที่คณะอาจารย์ - นักเรียนของ HWHS รวม 20 คน เดินทางไปเป็นอาสาสมัครนานาชาติในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทย ส่งผลให้ HWHS และโรงเรียนบ้านปางมะหันมีโอกาสเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน ตลอด 1 ปีที่ผ่านมานี้ คณะอาจารย์และนักเรียน HWHS ต่างมีความคิดและความตั้งใจที่ต้องการจะให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียนในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทยอยู่เสมอ ตราบจนเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ทาง HWHS สามารถรวบรวมนักเรียนได้ทั้งหมด 47 คน เพื่อเดินทางไปทำหน้าที่อาสาสมัครนานาชาติในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทยอีกครั้ง


 

ในปีนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทาง HWHS จึงจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากผู้ปกครองในการเดินทางของบุตรในครั้งนี้ก่อน จากตอนแรกที่มีนักเรียนลงทะเบียนเป็นจำนวน 51 คน มีเพียง 4 คนในจำนวนนี้ที่ผู้ปกครองขอให้ถอนตัว เนื่องจากเป็นกังวลต่อโรคระบาด ส่วนอีก 47 คนที่เหลือต่างมีความมุ่งมั่นที่จะไปให้บริการอาสาสมัครนานาชาติ ซึ่งได้เดินทางสู่พื้นที่ทางภาคเหนือของไทยเมื่อช่วงที่ผ่านมา และเพื่อดำเนินการป้องกันโรคระบาดอย่างเป็นรูปธรรม ทุกคนในคณะฯ ต่างเตรียมแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค และหน้ากากอนามัย 20 ชิ้นขึ้นไป


 

ทั้งนี้ HWHS ระบุว่า เนื่องจากในปีนี้นักเรียนอาสาสมัครมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงจัดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เพื่อเดินทางไปให้บริการยังสถาบันการศึกษา 2 แห่ง โดยกลุ่มแรกจัดให้มีอาจารย์และนักเรียนอาสาฯ จำนวน 27 คน เพื่อไปให้บริการยังโรงเรียนบ้านปางมะหัน ส่วนอีก 25 คนต้องเดินทางไปให้บริการยังโรงเรียนประถมศึกษาไท่กวง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนเมียนมา โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 50 นาที ทั้งสองสถาบันฯ นี้ มีระยะทางห่างกันพอสมควร จึงต้องไปมาหาสู่กันด้วยรถยนต์ และต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระหว่างการให้บริการอาสาสมัครในครั้งนี้ นักเรียนทั้งหมดต้องผลัดเวรกันเตรียมอาหารให้กลุ่มคณะฯ และต้องใช้เวลาว่างในช่วงเช้าและบ่ายเตรียมการสอน นอกจากนี้ ยังต้องรีบอาบน้ำในช่วงเวลาที่ยังมีแสงเจิดจ้าจากดวงอาทิตย์ เนื่องจากในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่มีน้ำร้อนให้ใช้


 

HWHS เผยว่า คณะอาสาสมัครของทางโรงเรียนฯ มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเตรียมการสอนในหลักสูตรภาษาจีน ให้กับชาวจีนโพ้นทะเลในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทย โดยถ่ายทอดผ่านเพลงพื้นบ้าน ศิลปะพู่กันจีน การประดิษฐ์โคมไฟ กิจกรรมหรือการเล่นกีฬากลางแจ้ง และการขับขานบทกลอน เป็นต้น โดยได้ปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมสำหรับนักเรียนในแต่ละระดับชั้น ทั้งนี้ ยังถือเป็นการฝึกฝนทักษะให้บรรดานักเรียนอาสาสมัคร ได้ฝึกสอนหลักสูตรภาษาให้กับเหล่าเยาวชนในพื้นที่อีกด้วย


 

ในตอนท้าย HWHS แถลงว่า การเดินทางไปให้บริการอาสาสมัครในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทยปีนี้ ยังมีภารกิจที่สำคัญอีกประการ ซึ่งก็คือการนำเงินบริจาคที่ HWHS รวบรวมมาได้ทั้งหมด 100,000 เหรียญไต้หวัน และเงินทุนที่สโมสรโรตารีไถจงให้การสนับสนุนอีก 100,000 เหรียญไต้หวัน รวมเป็น 200,000 เหรียญไต้หวัน มามอบให้กับโรงเรียนบ้านปางมะหัน ภายใต้การหารือร่วมกันของนางไล่ซู่เจิน หัวหน้าฝ่ายวิชาการโรงเรียน HWHS และผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปางมะหัน ได้มีความเห็นพ้องตรงกันว่า จะนำเงินจำนวนนี้มาบูรณะและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้น อาทิ สร้างห้องน้ำชาย – หญิง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่อาจารย์และนักเรียนในโรงเรียน ซึ่งได้จัดพิธีเปิดใช้อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา พร้อมนี้ยังได้นำเงินบริจาคจำนวนหนึ่ง มาใช้ปรับปรุงซ่อมแซมกระดานดำในห้องเรียน แป้นบาสเกตบอลในสนามกีฬา เพื่อให้สภาพแวดล้อมในโรงเรียนได้รับการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บรรดานักเรียนอาสาสมัครยังได้ใช้เวลาว่าง ในการช่วยเหลือสร้างสะพานและทำถนนร่วมกันชาวบ้านในหมู่บ้าน ทั้งนี้ เพื่อต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น