ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ผลสัมฤทธิ์ด้านการทูตและเศรษฐกิจการค้า ในไตรมาสแรกของปี 2020 ของสำนักงานตัวแทนไต้หวันในต่างประเทศ
2020-06-22
New Southbound Policy。เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา กต.ไต้หวันประกาศผลสัมฤทธิ์ด้านการทูตและเศรษฐกิจการค้า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 ของสำนักงานตัวแทนไต้หวันในต่างประเทศ (ภาพจาก MOFA)
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา กต.ไต้หวันประกาศผลสัมฤทธิ์ด้านการทูตและเศรษฐกิจการค้า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 ของสำนักงานตัวแทนไต้หวันในต่างประเทศ (ภาพจาก MOFA)

MOFA วันที่ 20 มิ.ย. 63
 

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก การติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจการค้าถูกจำกัดอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้ เพื่อรับมือกับความท้าทายของสถานการณ์ทั่วโลก กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) พร้อมด้วยกระทรวงเศรษฐการ และสมาคมทางการค้ารายสำคัญ จึงได้ประสานความร่วมมือระหว่างกัน โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 ได้ดึงดูดนักลงทุนและเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในไต้หวัน มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (gross domestic product, GDP) ยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ถือเป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าหลายประเทศในขณะนี้

 

ในภารกิจของไตรมาสแรก สำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำประเทศต่างๆ ได้ขานรับกับทิศทางนโยบายหลักของไต้หวัน โดยได้เร่งเสริมสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทุกด้านที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันให้เกิดความแน่นแฟ้น ตลอดจนจับตากระแสแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจโลกหลังสถานการณ์โควิด – 19 เพื่อผลประโยชน์สูงสุดสำหรับไต้หวัน

 

ในด้านการดึงดูดนักลงทุนและเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ประเทศ ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ได้ให้ความช่วยเหลือนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาลงทุนในไต้หวัน รวมมูลค่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีมูลค่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนที่นักลงทุนต่างชาติมีต่อไต้หวัน ในจำนวนนี้ สำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำญี่ปุ่นได้ส่งเสริมให้มีการนำเงินเข้ามาลงทุนในไต้หวันกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ โอกาสทางธุรกิจจากคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการต่างชาติ ก็มีมูลค่ากว่า 230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 109 นอกจากนี้ สำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำมาเลเซีย เวียดนาม และตุรกี รวมถึงสำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำแอตแลนตา ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐอเมริกา และดูไบ ต่างก็ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการต่างชาติสั่งซื้อสินค้าจากไต้หวัน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วย

 

ในด้านนโยบายมุ่งใต้ใหม่ มูลค่าการค้าระหว่างไต้หวันกับกลุ่มประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คิดเป็นมูลค่ารวม 27,370 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 26,090 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ซึ่งสำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำประเทศนั้นๆ นอกจากจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการไต้หวันในการขยายฐานธุรกิจสู่ต่างประเทศแล้ว ก็ยังเร่งผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้ากับประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่อย่างเต็มที่ อาทิ ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไต้หวันชนะการประมูลโครงการก่อสร้าง 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 49 ล้านเหรียญไต้หวัน อีกทั้งได้จัดตั้งสถานีทดลองการเกษตรระหว่างไต้หวัน – อินโดนีเซีย และไต้หวัน – เวียดนาม รวมถึงฟาร์มสาธิตการเพาะเห็ดแชมปิญองที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – ฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน อย่างเป็นรูปธรรม

 

สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้า สำนักงานตัวแทนไต้หวันในต่างประเทศได้ยึดอุตสาหกรรมที่สำคัญของไต้หวันเป็นหลัก ในการเร่งผลักดันความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพ และอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว เป็นต้น รวมถึงจับตากระแสแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อันเป็นผลพลอยได้ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 อนึ่ง วิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน ด้วยการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี การจัดระบบในการจัดสรรเวชภัณฑ์ในการป้องกันโรคระบาดอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตของอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้สามารถขยายโอกาสธุรกิจด้านการสั่งซื้อสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ และขยายความร่วมมือระหว่างประเทศที่มากขึ้น เช่น สำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำสหรัฐฯ และสาธารณรัฐเช็ก ได้ช่วยเป็นสื่อกลางในการเปิดการเจรจาและสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันโรคระบาดระหว่างสองประเทศ เป็นต้น