ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่ฯ เข้าร่วมพิธี “วันสิทธิมนุษยชนสากล ปี 2020”
2020-12-07
New Southbound Policy。เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินเข้าร่วมพิธี “วันสิทธิมนุษยชนสากล ปี 2020” พร้อมกล่าวปราศรัย (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินเข้าร่วมพิธี “วันสิทธิมนุษยชนสากล ปี 2020” พร้อมกล่าวปราศรัย (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

สาระสำคัญของเนื้อข่าว :
♦ ผลสัมฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนของไต้หวัน ประกอบด้วย การจัดตั้งกลไกความยุติธรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่าน หน่วยงานการศึกษาด้านสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมการกิจการสิทธิมนุษยชนที่มีหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบหน่วยงานภาครัฐ

♦ ปธน.ไช่ฯ ะบุว่า “หากพวกเราสามารถเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในประวัติศาสตร์ และหยุดการกระทำผิดซ้ำเดิม พวกเราจะสามารถก้าวไปบนเส้นทางแห่งอนาคตร่วมกันได้อย่างแน่นอน”
-------------------------------------------
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 5 ธ.ค. 63

 

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมพิธี “วันสิทธิมนุษยชนสากล ปี 2020” พร้อมกล่าวว่า หากมองย้อนกลับไปในความคืบหน้าของภารกิจด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและกระบวนการสร้างความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านของไต้หวันในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันนี้พวกเราได้บรรลุผลสัมฤทธิ์นานาประการอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การจัดตั้งกลไกความยุติธรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่าน หน่วยงานการศึกษาด้านสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมการกิจการสิทธิมนุษยชนที่มีหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบหน่วยงานภาครัฐ โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การประสานความร่วมมือแบบข้ามยุคสมัย จะทำให้ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านของไต้หวัน บรรลุเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างให้หลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนเป็นไปอย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 

ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า วันที่ 10 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ตรงกับวันสิทธิมนุษยชนสากล โดยในวันนี้เป็นวันที่พวกเราควรตระหนักถึงค่านิยมสากลด้านสิทธิมนุษยชน และเป็นวันที่สมควรแก่การพิจารณาไตร่ตรองว่า สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมได้รับการบรรลุเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมในดินแดนไต้หวันของเราแล้วหรือยัง

 

ทั้งนี้ ปธน.ไช่ฯ ได้ทำการชี้แจงผลสัมฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนของไต้หวัน รวม 3 ประการ ดังนี้

 

ประการแรก พวกเราได้จัดตั้งหน่วยงานและกฎหมายเพื่อผลักดันความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน โดยหน่วยงานคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านความเป็นธรรมถือเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งนอกจากจะมีหน้าที่เร่งแก้ไขข้อผิดพลาดในทะเบียนประวัติอาชญากรของผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เมื่อครั้งอดีตแล้ว ยังได้ทยอยประกาศรายงานการตรวจสอบ ตลอดจนส่งเสริมให้ภาคประชาสังคมเกิดความเข้าใจต่อแนวคิดความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านอีกด้วย

 

ประการที่สอง พวกเราได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยอาคารสิทธิมนุษยชนที่พวกเรามารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงในวันนี้ ได้บังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่เด่นชัดในการผลักดันการศึกษาด้านสิทธิมนุษยชน นับตั้งแต่ที่ได้มีการเปิดตัวขึ้นเมื่อสองปีที่แล้วเป็นต้นมา อีกทั้งยังได้รับรางวัลนานาชาติซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการได้รับการยอมรับจากนานาชาติ โดยนอกจากนิทรรศการและการจัดแสดงผลงานวิจัยแล้ว อาคารสิทธิมนุษยชนยังได้ผสมผสานรูปแบบที่หลากหลายทั้งทางด้านวรรณกรรม ศิลปะ การดนตรี และโรงละคร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้แนวคิดด้านสิทธิมนุษยชนถ่ายทอดสู่ทุกแง่มุมในการดำเนินชีวิตของผู้คน โดย “เทศกาลศิลปะแห่งสิทธิมนุษยชน” ที่จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่เห็นได้อย่างชัดเจน

 

ประการที่สาม พวกเราได้จัดตั้งคณะกรรมการกิจการสิทธิมนุษยชนที่เป็นองค์กรอิสระ หลังผ่านการเจรจามาเป็นเวลานาน หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนที่สอดคล้องตาม “หลักการปารีส” (The Paris Principles) ของสหประชาชาติ (UN) ได้รับการจัดตั้งขึ้นในสภาตรวจสอบ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เมื่อเดือนสิงหาคมของปีนี้ ซึ่งภารกิจของหน่วยงานข้างต้น ประกอบด้วย ตรวจสอบเหตุการณ์ว่าด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน พิจารณาทบทวนนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน ยื่นเสนอรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

 

ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ 4 ปีที่แล้ว ในปัจจุบันนี้ไต้หวันเปี่ยมด้วยกลไกความยุติธรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่าน อีกทั้งยังมีหน่วยงานการศึกษาด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนมีคณะกรรมการกิจการสิทธิมนุษยชนที่มีหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบหน่วยงานภาครัฐ พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้ระบุว่า “หากพวกเราสามารถเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในประวัติศาสตร์ และหยุดการกระทำผิดซ้ำเดิม พวกเราจะสามารถก้าวไปบนเส้นทางแห่งอนาคตร่วมกันได้อย่างแน่นอน”