ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ฝรั่งผันตัวเป็นติ่งมาจู่ ชาวต่างชาติผู้หลงไหล การเข้าร่วมขบวนแห่เจ้า
แหล่งที่มาของข้อมูล Taiwan Panorama
2022-09-19

เสี่ยวเป้ยทำงานคนเดียว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเขาถ่ายทำคลิปไปแล้ว 400 กว่าคลิป ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว อาหารและวัฒนธรรมของไต้หวัน (หลินเก๋อลี่ ถ่ายภาพ)

เสี่ยวเป้ยทำงานคนเดียว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเขาถ่ายทำคลิปไปแล้ว 400 กว่าคลิป ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว อาหารและวัฒนธรรมของไต้หวัน (หลินเก๋อลี่ ถ่ายภาพ)
 

ขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่และการแห่เจ้ารอบเมืองมีเสน่ห์อย่างไร? Logan Beck หรือ เสี่ยวเป้ย (小貝) Youtuber ชาวอเมริกัน จึงเปล่งเสียงร้องตะโกนหน้ากล้องในขณะที่กำลังถ่ายทำขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่ว่า “นี่คือเสียงเรียกแห่งชีวิตของผม” ความเชื่อทางศาสนาในไต้หวันมีความหมายอันลึกซึ้งแอบแฝงอยู่ จนทำให้ Reed Giovannetti หรือเการุ่ยเต๋อ (高瑞德) หนุ่มอเมริกันขอย้ายวิชาเอกเพื่อไปเรียนทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมศึกษาในการเรียนระดับมหาวิทยาลัย ปัจจุบันเขาพำนักอาศัยอยู่ในเจียอี้ ซึ่งเป็นเมืองโบราณของไต้หวัน แถมยังเคยตระเวนเยือนวัดและศาลเจ้าทั่วทั้งเมืองมาแล้ว และเคยช่วยให้ร้านอาหารเล็ก ๆ ในท้องถิ่นได้มีโอกาสไปอวดโฉมในสารคดีเรื่อง Street Food หรือ อิ่มริมทางฉบับเอเชีย ตอน เจียอี้ ไต้หวันของ Netflix มาแล้ว

 

การแห่เจ้าแม่มาจู่แห่งเขตต้าเจี่ย นครไทจง ได้รับการยกย่องจาก Discovery ให้เป็น 1 ใน 3 พิธีกรรมทางศาสนาที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ของโลก โดยขบวนแห่จะใช้เวลาเดินเท้านานถึง 9 วัน 8 คืน คิดเป็นระยะทางมากกว่า 300 กิโลเมตร เหล่าผู้เลื่อมใสศรัทธาจะเดินตามขบวนแห่จากเขตต้าเจี่ยในนครไทจง ไปจนถึงตำบลซินกั่งในเมืองเจียอี้ ก่อนจะเดินกลับ เพื่อขอให้เทพเจ้าปกป้องคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุขและมีสุขภาพแข็งแรง

ตลอดเส้นทางที่ขบวนแห่เคลื่อนผ่านไป จะมีทั้งเสียงฆ้องเสียงกลอง และเสียงประทัดดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย และมีอาหารให้รับประทานฟรีตลอดทาง เพื่อให้เหล่าสานุศิษย์และผู้มีจิตศรัทธาที่เข้าร่วมในขบวนแห่ได้อิ่มท้องและมีกำลังวังชาที่จะเดินต่อไป การติดตามขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วไต้หวัน ไม่เพียงแต่จะทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว หากแต่ยังเปิดโอกาสในการค้นพบอาหารพื้นเมืองไต้หวันแสนอร่อยที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ ศาลเจ้าต่าง ๆ ด้วย และเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เหล่า Youtuber ต่างชาติที่ใช้ชีวิตอยู่ในไต้หวันมีความสนใจและเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์และทำความรู้จักกับวัฒนธรรมของเกาะสวรรค์แห่งนี้ในเชิงลึกมากขึ้น

 

ถ่ายทำสารคดีระดับโลกเพื่อเจ้าแม่มาจู่

เสี่ยวเป้ยผู้ซึ่งใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับของ Discovery มีโอกาสได้ทำให้ความฝันของเขาเป็นความจริงขึ้นในอีกรูปแบบหนึ่งในไต้หวัน

เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในไต้หวัน และสัมผัสกับวัฒนธรรมไต้หวันในเชิงลึก เสี่ยวเป้ยจึงเริ่มต้นจากการติดตามขบวนแห่เจ้าของศาลเจ้าหนานเหยากงในเมืองจางฮั่วซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้านที่เขาพักอาศัยก่อน เมื่อขบวนแห่ไปถึงแต่ละตำบล เสี่ยวเป้ยมักจะถามกลุ่มคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาว่า “พวกคุณมีความสุขไหม” จากนั้น ฝูงชนจำนวนไม่น้อยก็พากันกรูเข้ามาอยู่หน้ากล้องพร้อมตะโกนว่า “มีความสุขมาก”

เดิมทีเสี่ยวเป้ยเพียงแค่ต้องการที่จะแบ่งปันเรื่องราวของชีวิตความเป็นอยู่ในไต้หวันให้กับคนในครอบครัวที่อยู่ที่อเมริกา แต่เขาพบว่า “พอถ่ายไปนาน ๆ เข้าก็รู้สึกว่า ไต้หวันมีเอกลักษณ์พิเศษเป็นของตัวเอง” ดังนั้น จึงเกิดเป็นเป้าหมายที่จะแนะนำไต้หวันให้ทั่วโลกได้รู้จัก เขาได้ทำคลิปแนะนำเรื่องราวของเจ้าแม่มาจู่ และความเป็นมาของขบวนแห่อย่างละเอียด พร้อมทั้งใช้ภาพโคลสอัพจำนวนมาก ในการนำเสนอรายละเอียดที่คนไต้หวันส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป เช่น ลายหงส์บนฉลองพระองค์ของเจ้าแม่มาจู่ อาวุธและป้ายหลากสีที่ทหารองครักษ์ของเจ้าแม่ถืออยู่ รวมไปจนถึงเหล่านักพรตที่ถือของขลังที่ใช้ในการทำพิธีกรรมต่าง ๆ อยู่ในมือ และสวมใส่ชุดคลุมหลากสีสัน เดินอยู่ในขบวนอย่างมีระเบียบ

5 ปีที่ผ่านมา เนื้อหาในคลิปของเสี่ยวเป้ยเกี่ยวกับขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่มีความลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาได้รับแรงบันดาลใจจาก Michael Bay ที่เป็นไอดอลส่วนตัวในการเลือกนำเสนอภาพที่สร้าง “ความเร้าใจ” มีอยู่ปีหนึ่ง ในขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่ที่เป๋ยกั่ง เขาได้บันทึกภาพของขบวนแห่เจ้าพ่อฝู่ซิ่นหวังกงจากศาลเจ้าฝูไห่กงในแถบจู๋เห่วย ที่มาร่วมสร้างความคึกคักด้วย โดยมีพิธี “เฟยเหนี่ยนเจี้ยว (飛輦轎)” ซึ่งจะมีผู้ที่แบกเกี้ยวของเทพเจ้าสองคนวิ่งวนไปมาจนทำให้คนแบกเกี้ยวอีกสองคนที่เหลือลอยตัวจนเหมือนกับบินขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าเทพเจ้าได้ลงมาประทับแล้ว ถือเป็นเอกลักษณ์ของขบวนแห่เจ้าของศาลเจ้าแห่งนี้ ซึ่งภาพที่เสี่ยวเป้ยบันทึกไว้ทำให้เหล่าชาวเน็ตไต้หวันโพสต์ข้อความชื่นชมไว้ไม่น้อยว่า เสี่ยวเป้ยสามารถบันทึกภาพของการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่หาดูได้ยากไว้ และวิธีในการถ่ายทำก็สามารถแข่งขันกับสถานีโทรทัศน์ National Geographic ได้เลยทีเดียว

 

มุมมองใหม่ ๆ ถูกค้นพบทุกครั้งในการร่วมขบวนแห่

เมื่อครั้งที่เสี่ยวเป้ยได้เข้าร่วมขบวนแห่เจ้าของศาลเจ้าหนานเหยากงในเมืองจางฮั่ว เขาได้พูดเกริ่นนำในช่วงต้นของคลิปนี้ว่า เป็น “ขบวนแห่เจ้าแห่งแรกของไต้หวัน” คำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกิจกรรมนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะศาลเจ้าหนานเหยากงถือเป็นศาลเจ้าแม่มาจู่แห่งแรกของไต้หวันที่มีการจัดขบวนแห่ เพื่อนำองค์เจ้าแม่มาจู่กลับไปยังศาลเจ้าดั้งเดิมที่อยู่ในแถบเปิ้นกั่งเป็นประจำทุกปี ในระหว่างการแห่ขบวนเพื่อเดินทางกลับ เสี่ยวเป้ยยังมีโอกาสได้เข้าร่วมพิธี “เหล่าซี” (潦溪)  ซึ่งเป็นพิธีที่จัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี ถือเป็นประเพณีดั้งเดิมที่เกิดขึ้นเนื่องจากในสมัยก่อนพื้นที่แถบนี้ยังไม่มีสะพานสำหรับข้ามแม่น้ำ ดังนั้นขบวนแห่เจ้าจะต้องเดินลุยน้ำเพื่อข้ามไป ในระหว่างการถ่ายทำได้มีเหล่าผู้มีจิตศรัทธานับหมื่นคนเดินลุยน้ำไปกับเจ้าแม่มาจู่ด้วย ซึ่งเสี่ยวเป้ยก็ลงไปสัมผัสประสบการณ์ในการเดินลุยน้ำเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ พร้อมกับตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า “ผมจะเหล่าซีแบบลุยทั้งตัว” จากนั้นก็มีเสียงปี๊ดดังขึ้น แล้วเจ้าตัวก็นอนลงไปบนแม่น้ำ เรียกเสียงเฮจากผู้คนได้ดังสนั่นเลยทีเดียว

ศาลเจ้าเฉาเทียนกงในเป๋ยกั่งจะจุดประทัดเป็นจำนวนมากเพื่อต้อนรับและเฉลิมฉลองขบวนแห่ของเจ้าแม่มาจู่ที่มาถึง จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “3 ประทัดใหญ่แห่งไต้หวัน” ร่วมกับขบวนแห่เจ้าพ่อหานตันของไถตงและการยิงประทัดรังผึ้งที่เหยียนสุ่ยของไถหนาน เสียงประทัดที่ดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าผ่าทำให้เสี่ยวเป้ยอดไม่ได้ที่จะพูดกับกล้องว่า “หูของผมเจ็บไปหมดแล้ว” หลังขบวนแห่เริ่มออกเดิน ขบวนการแสดงและขบวนรถแห่เรียงรายเป็นขบวนยาวนับหลายกิโลเมตร เด็ก ๆ ที่สวมใส่ชุดจีนโบราณยืนอยู่บนรถบุปผชาติโปรยลูกกวาดมงคลแจกตลอดทาง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่น่าสนใจของขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่รอบเมืองที่เป๋ยกั่ง

ขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่จากต้าเจี่ยจะเดินแห่ไปตามเส้นทางเดิมที่ใช้ในการเคลื่อนขบวนซึ่งกำหนดไว้แล้ว ทำให้ในช่วงหลายปีมานี้ มีสานุศิษย์ร่วมกันคิดค้นแอปพลิเคชันที่สามารถติดตามตำแหน่งของเจ้าแม่มาจู่จากต้าเจี่ยได้อย่างแม่นยำ ทำให้เสี่ยวเป้ยถึงกับทึ่งจนต้องชื่นชมว่า “แม่นยำมาก”

 

ดื่มด่ำกับความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

ไม่ว่าจะเดินไปในเส้นทางใด เสี่ยวเป้ยสัมผัสได้ถึงความโอบอ้อมอารีของชาวไต้หวัน มองไปตามถนนจะมีอาหารไว้คอยบริการฟรีอยู่เต็มไปหมด เขาถึงกับหัวเราะแล้วพูดว่า “นี่คือร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

เสี่ยวเป้ยพูดถึงความประทับใจจากประสบการณ์ในการร่วมขบวนแห่ว่า นอกจากความอารีของคนไต้หวันแล้ว เขายังสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มจิตอาสามาช่วยกันปัดกวาดทำความสะอาดหลังขบวนแห่ผ่านไป เหล่าผู้มีจิตศรัทธาต่างมาร่วมขอบพระคุณในการปกป้องคุ้มครองของเจ้าแม่มาจู่ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน

จิตวิญญาณแห่งการให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนของขบวนแห่เจ้าแม่จู่ ทำให้เสี่ยวเป้ยรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ตัวเขาเองก็ได้เชิญชวนเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติมาร่วมขบวนด้วย พร้อมทั้งจัดเตรียมคุกกี้และเครื่องดื่มจำนวนมาก สำหรับแจกให้แก่บรรดาผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมขบวนแห่ด้วยกัน คาดไม่ถึงว่า เมื่อพวกเขานำอาหารไปแจกให้ผู้อื่น เขาผู้นั้นก็จะแจกข้าวกล่องคืนมาให้ สุดท้ายเมื่อพวกเขามองไปที่อาหาร ซึ่งมีอยู่เต็มกล่อง ยิ่งทำให้รู้สึกได้ถึงพลังแห่งความโอบอ้อมอารีของชาวไต้หวันอีกครั้ง
 

Reed Giovannetti หรือเการุ่ยเต๋อ (高瑞德)

 

การผูกมิตรกับเมืองเก่าแก่ของไต้หวัน

เมื่อเราเปิดดู IG ของเการุ่ยเต๋อ ชื่อบัญชีของเขาคือ findmeinchiayi (พบกับผมได้ที่เจียอี้) ภาพถ่ายที่อยู่ในนั้น นอกจากร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยวของเจียอี้แล้ว ยังมีภาพของศาลเจ้าและเทวรูป โดยในจำนวนนี้มีอยู่ 3 โพสต์ที่เป็นภาพถ่ายขณะที่เขาไปฝึกซ้อมการเต้นเป็น “สือเจียเจี้ยง” (ขบวนทหารองครักษ์ที่เดินนำหน้าขบวนแห่เจ้า มีหน้าที่คอยจับปีศาจและวิญญาณร้าย และช่วยปัดเป่าทุกข์ภัย : ผู้แปล) ที่ศาลเจ้าเจียอี้ซานไห่เจิ้น

สถานที่ที่เขาสอนหนังสือ ตั้งอยู่ในจุดที่เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณของไต้หวันพอดี ไถหนานและเจียอี้ ครอบครัวอุปถัมภ์ซึ่งเป็น Host Family ที่แสนใจดีที่เขาพักอาศัยอยู่ด้วยขณะพำนักอยู่ในไต้หวัน ได้พาเขาไปเที่ยวชมศาลเจ้าในภาคใต้จำนวนมาก และครั้งที่เขาได้ไปเยือนศาลเจ้าหนานคุนเซินใน
ไถหนาน ก็มีโอกาสได้เห็นคนทรงที่กำลังทรงเจ้าจนตัวสั่นไปหมด ทำให้รู้สึกว่า “ผมคิดว่ามันน่าทึ่งมาก ผมเคยเห็นขบวนแห่ที่มีเจ้าพ่อเจ็ดกับเจ้าพ่อแปดมาแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนทรงเจ้ามาก่อน” เการุ่ยเต๋อเล่าพร้อมกับยกมือขึ้นมาทำท่าเลียนแบบคนทรงเวลาที่เจ้าเข้าประทับ

การได้พบกับคนทรงเจ้าในครั้งนั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเการุ่ยเต๋อ เดิมทีเขาเลือกเรียนวิชาเอกทางด้านจิตวิทยาชีวภาพในการเรียนมหาวิทยาลัย แต่หลังจากที่ได้เห็นพิธีกรรมการทรงเจ้าแล้ว เขาตัดสินใจเปลี่ยนไปเรียนวิชาเอกทางด้านจิตวิทยาและศาสนศึกษาแทน เมื่อเขาเดินทางกลับไปยังอเมริกา ซึ่งแม้ว่าเขาจะมีโอกาสเดินทางไปสำรวจทั่วโลกมาโดยตลอด และเคยไปมาแล้วหลายประเทศ ทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย เมียนมาร์ รวมถึงญี่ปุ่น แต่ทุกครั้งไม่ว่าไปถึงประเทศไหน เขามักจะคิดถึงวันเวลาที่อยู่ในไต้หวันอยู่เสมอ “ประเทศเหล่านี้ต่างก็สุดยอดมาก ๆ แต่ไต้หวันกลายเป็นมาตรฐานในการตัดสินของผมไปแล้ว” ท้ายที่สุดเขาจึงตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่เจียอี้

 

มองประวัติศาสตร์และศิลปะของไต้หวันผ่านศาลเจ้า

ในสายตาของคนไต้หวันจำนวนมาก เจียอี้ถือเป็นเมืองต่างจังหวัด แต่สำหรับเการุ่ยเต๋อแล้ว มันกลับเป็นเมืองโบราณที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ เมืองแห่งนี้มีศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นจำนวนมาก ในทุก ๆ ปี ขบวนแห่เจ้าแห่งแรกของไต้หวันจากศาลเจ้าหนานเหยากงในเมืองจางฮั่วจะยกขบวนมาที่ศาลเจ้าเทียนโฮ้วกงในเปิ้นกั่ง เพื่อเปลี่ยนชุดให้องค์เจ้าแม่ของหนานเหยากงก่อนจะเดินทางกลับ

เการุ่ยเต๋อพาเราเดินชมศาลเจ้าต่าง ๆ ที่อยู่ในเมืองเจียอี้ โดยอาศัยเส้นทางตามตรอกซอกซอยในแถบตะวันตกของเมืองที่เขาคุ้นเคย และพาทีมสัมภาษณ์ของเราไปถึงศาลเจ้ากวนเซียงจิ้งเมี่ยว ซึ่งเป็นศาลเจ้าไฉ่สิ่งเอี้ยเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 200 ปี ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกระเบิดทำลายจนหมดสิ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกบูรณะขึ้นใหม่และตั้งอยู่อย่างเงียบสงบในซอยเล็ก ๆ แห่งนี้

เมื่อเดินไปตามถนนจงเจิ้งอันคึกคักของเจียอี้ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตตะวันออกของเมือง ก็จะพบกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี เจ้าพ่อหลักเมืองจะดูแลโลกมนุษย์และนรก เป็นผู้ที่มีความยุติธรรมสูง และเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้ เมื่อเดินเข้าไปในศาลเจ้า เการุ่ยเต๋อชี้ให้เราดูซุ้มเพดานรูปโป้ยข่วยแล้วบอกว่า “ตรงจุดนี้ไม่ได้ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ใช้ไม้มาประกบกันไว้เท่านั้น สวยงามมาก”

สุดท้ายเราได้ไปเที่ยวชมศาลเจ้าซวงจงเมี่ยวที่อยู่ใกล้ ๆ กับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง แม้จะเป็นศาลเจ้าที่ไม่ใหญ่มาก แต่กลับเป็นศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเมืองเจียอี้ โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 350 ปี เป็นศาลเจ้าที่สักการบูชาแม่ทัพสมัยราชวงศ์ถังสองท่านและบูชาเจ้าพ่อเสือด้วย “พวกคุณดูที่เพดานซิ จะมีลายเสือด้วย เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ”

 

หวังว่าคุณจะรักเจียอี้เหมือนกัน

เราถามเการุ่ยเต๋อว่า เคยไปร่วมขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่มาแล้วกี่ครั้ง เขาหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “ต้าเจี่ย 3 ครั้ง แห่เจ้าแม่มาจู่ของไป๋ซาถุน ซีเหมิน เป๋ยกั่งก็เคยไปมาแล้ว แล้วยังมีขบวนแห่ของเทพเจ้าสวนเทียนซั่งตี้ ผมไม่ได้ชอบแค่เจ้าแม่มาจู่ ยังชอบเจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อเสือ เจ้าแม่กวนอิม....” และสิ่งที่ประทับใจมากที่สุดในการไปร่วมขบวนแห่ ก็คงจะไม่พ้นความโอบอ้อมอารีของผู้คนที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “ทุกคนมีความเป็นมิตรจริง ๆ สุดยอดมาก”

จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักและมีความเข้าใจในศาสนาและวัฒนธรรมของไต้หวัน ทำให้เขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมรายการโทรทัศน์ God Bless Baodao ของไต้หวัน โดยให้เขาเข้าร่วมขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่ของไป๋ซาถุน และทางรายการยังได้เพิ่มโปรแกรมเกี่ยวกับการไปร่วมเต้นในขบวนสือเจียเจี้ยงของศาลเจ้าเจียอี้ซานไห่เจิ้นเข้ามาด้วย โดยในตอนนั้นเขาได้ทำการ “ปัวะโป้ย” เพื่อขออนุญาตจากเจ้าก่อน จากนั้นก็ต้องถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วันติดต่อกัน และไปเรียนการเต้น เการุ่ยเต๋อตบที่ต้นขาของตัวเองพร้อมกับหัวเราะและบอกกับเราว่า “ขาของผมเมื่อยไปหมด” และในขณะที่ต้องเต้นตามขบวนแห่ก็จะต้องวาดหน้า พร้อมเชิญเจ้าให้เข้าทรง เพื่อน ๆ ในกลุ่มบอกกับเขาว่า “คุณเป็นคนต่างชาติคนแรกในไต้หวันที่มีโอกาสได้ “เบิกหน้า” แบบนี้”

ระหว่างที่เขาอาศัยอยู่ในไต้หวันกว่า 8 ปี เการุ่ยเต๋อเคยพามิตรสหายจาก 17 ประเทศเที่ยวชมเมืองเจียอี้ เขาพาบรรดาเพื่อน ๆ ไปที่ศาลเจ้าฟ่งเทียนกงในซินกั่ง ศาลเจ้าเฉาเทียนกง ศาลเจ้าแม่มาจู่ที่ซีเหมิน พร้อมอธิบายวิธีการเดินเข้าศาลเจ้าที่ถูกต้องให้เพื่อน ๆ ได้ทราบว่าจะต้อง “เข้าประตูขวาและออกทางประตูซ้าย“ และยังบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าแม่มาจู่ว่ากลายเป็นเทพเจ้าได้อย่างไร นอกจากนี้ยังพาไปชิมอาหารแสนอร่อยและเยี่ยมชมโบราณสถานต่าง ๆ ด้วยความหวังว่าเมื่อตอนที่ทุกคนลาจากไป จะรู้สึกหลงรักเจียอี้เหมือนกับเขา และสามารถมองประวัติศาสตร์ของไต้หวันผ่านเจียอี้ได้

 

เพิ่มเติม

ฝรั่งผันตัวเป็นติ่งมาจู่ ชาวต่างชาติผู้หลงไหล การเข้าร่วมขบวนแห่เจ้า

 

โซนวิดีทัศน์