ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ช่วงเวลาพักผ่อนของผู้ใหญ่ ที่ Cooking & Living และ Northbirds Natural Aesthetics
แหล่งที่มาของข้อมูล Taiwan Panorama
2022-10-24

Cooking & Living ตั้งใจจัดตกแต่งสถานที่ในทุกชั้นเรียน การมาที่นี่จึงไม่ใช่แค่มาเรียนทำอาหาร แต่ยังสามารถบ่มเพาะศักยภาพในการลิ้มลองรสชาติของชีวิตได้ด้วย

Cooking & Living ตั้งใจจัดตกแต่งสถานที่ในทุกชั้นเรียน การมาที่นี่จึงไม่ใช่แค่มาเรียนทำอาหาร แต่ยังสามารถบ่มเพาะศักยภาพในการลิ้มลองรสชาติของชีวิตได้ด้วย
 

เมื่อตอนเป็นเด็ก มีกระดาษ 1 แผ่น กับปากกาไม่กี่ด้ามก็สามารถใช้ฆ่าเวลาได้ แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่ การที่ไม่เคยหยุดเพื่อจะไขว่คว้าทำให้รู้สึกว่าเวลาไม่เคยเพียงพอ เราลืมที่จะหยุด เพื่อรับประทานอาหารอย่างมีความสุขสักมื้อ ชื่นชมความงดงามที่ยิ่งใหญ่ของต้นไม้ใบหญ้า โดยที่ไม่ต้องเร่งรีบในเรื่องของเวลา การดื่มด่ำกับวิถีชีวิต จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว

 

เมื่อเดินเข้าไปใกล้กับตลาดปิงเจียงในกรุงไทเป จะพบกับสตูดิโอเวิร์กชอปชื่อ “Cooking & Living” ผู้ก่อตั้งคือ คุณอู๋ฮุ่ยถิง (吳卉婷) รอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู การทักทายที่เป็นกันเองทำให้รู้สึกว่า ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าที่พบกันครั้งแรก แต่เหมือนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน การออกแบบห้องชั้นลอยที่แม้จะเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว แต่กลับทำให้เรารู้สึกว่าจังหวะการเดินชะลอลงโดยไม่รู้ตัว

 

19.30 น. ได้เวลารับประทานอาหารค่ำ

เวลา 19.00 น. แขกทุกคนจะทยอยมานั่งที่โต๊ะ คุณจางอวี้เหว่ย (張育瑋) ผู้ก่อตั้งอีกคนจะรินเหล้าให้ทุกคน เพื่อให้แขกได้เคลิบเคลิ้มไปบรรยากาศการทดลองทำอาหารที่แสนสนุกสนาน

กิจกรรม “19.30 น. ได้เวลารับประทานอาหารค่ำ” ของ Cooking & Living เป็นหลักสูตรที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อกลุ่มคนทำงานโดยเฉพาะ ซึ่งเข้าอกเข้าใจถึงความเหนื่อยล้าของทุกคนหลังการทำงาน โดยทีมงานจะจัดเตรียมวัตถุดิบไว้ให้ก่อนล่วงหน้า และลดความซับซ้อนของขั้นตอนการปรุงอาหาร เพื่อให้ทุกคนได้รู้สึกถึงการมีส่วนร่วมแบบลงมือปฏิบัติ โดยไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น คอร์สเรียนแกงกะหรี่อินเดีย ในเมนูจะประกอบด้วยผลไม้, โยเกิร์ตแบบเค็ม, แป้งนาน, แกงกะหรี่ผัก และไก่ย่างอินเดีย โดยคุณจางอวี้เหว่ยจะเริ่มจากให้ผู้เรียนทุกคนผัดเครื่องเทศสำหรับทำเป็นแกงกะหรี่ เขาแนะนำความพิเศษของเครื่องเทศแต่ละชนิด และให้ทุกคนได้ลองชิมรสชาติดั้งเดิมของเครื่องเทศ ต่อมาให้ผู้เรียนสลับกันเติมเครื่องเทศใส่ลงไปในหม้อแล้วผัดให้เข้ากัน หลังจากนั้นก็ให้เพื่อนมาจัดการต้มวัตถุดิบต่อให้เสร็จ ส่วนคุณจางอวี้เหว่ยก็จะพาทุกคนไปทำขั้นตอนการหมักไก่ย่าง และปรุงอาหารเมนูอื่น ๆ ต่อไป

จางอวี้เหว่ยและอู๋ฮุ่ยถิงจะปรุงอาหารไปพร้อมกับเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ใช้ พร้อมทั้งแชร์เรื่องราวของประเภทวัตถุดิบ, แหล่งเพาะปลูก, คุณค่าทางโภชนาการ, เทคนิคการคัดเลือกต่าง ๆ รวมถึงวิธีการปรุงอาหารให้อร่อย หรือการค้นพบวิธีใหม่ ๆ สำหรับผสมผสานวัตถุดิบ อาทิ การรับประทานไข่ปลากระบอกร่วมกับส้มก็เป็นอะไรที่อร่อยแบบคาดไม่ถึง เป็นการเปิดโลกแห่งจินตนาการเกี่ยวกับวัตถุดิบในการทำอาหารให้กับทุกคน

พวกเขาชื่นชอบการเดินทางไปยังแหล่งผลิตเพื่อเสาะหาวัตถุดิบดี ๆ นอกจากจะนำวัตถุดิบมาใช้ในหลักสูตรแล้ว ยังยินดีที่จะแบ่งปันเรื่องราวของเกษตรกรรายย่อยให้ผู้เรียนได้รับทราบด้วย คุณจางอวี้เหว่ยกล่าวว่า “สำหรับกิจกรรมนี้เราสามารถนำเรื่องราวของแหล่งผลิตมาบอกเล่าให้ลูกค้าฟัง สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญในการคัดเลือกวัตถุดิบ เช่น ถั่วแดงที่เพาะปลูกแบบดั้งเดิมกับวิธีการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีรสชาติแตกต่างกัน และมีผลกระทบต่อระบบนิเวศด้วย” ดังนั้นเมื่อลูกค้าเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้ ในอนาคต เมื่อไปเลือกซื้อวัตถุดิบก็จะเลือกใช้สินค้าเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
 

อูเพ่ยเสวียนผสมผสานความรักในธรรมชาติเข้ากับการสอนวาดภาพ โดยเปิดคอร์สเรียนไม่มากนัก เธอคิดว่าเงินมีพอใช้ก็พอแล้ว เพื่อจะได้รู้สึกถึงความอิ่มเอมอันแสนเรียบง่ายในทุก ๆ วัน

อูเพ่ยเสวียนผสมผสานความรักในธรรมชาติเข้ากับการสอนวาดภาพ โดยเปิดคอร์สเรียนไม่มากนัก เธอคิดว่าเงินมีพอใช้ก็พอแล้ว เพื่อจะได้รู้สึกถึงความอิ่มเอมอันแสนเรียบง่ายในทุก ๆ วัน
 

การทำอาหารถือเป็นการบำบัดประเภทหนึ่ง

ก่อนที่จะก่อตั้งธุรกิจ Cooking & Living ขึ้นมาในปี ค.ศ. 2016 คุณอู๋ฮุ่ยถิงและคุณจางอวี้เหว่ยก็เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำโอทีทุก ๆ วัน อาหารสามมื้อล้วนซื้อนอกบ้านมารับประทาน พอเลิกงานก็หมดแรงแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ใช้การชอปปิงกับการเที่ยวเล่นมาแสวงหาความสมดุลทางจิตใจเท่านั้น เมื่อหวังจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี และชื่นชอบบรรยากาศความสนุกสนานเมื่อได้ทำอาหารกับเพื่อน ๆ จึงกลายเป็นโอกาสให้ทั้งสองคนเริ่มต้นธุรกิจนี้

ความคิดแรกเริ่มคือการแชร์พื้นที่ห้องครัวให้ใช้ร่วมกัน แต่คุณอู๋ฮุ่ยถิงรู้สึกว่าการแชร์พื้นที่ว่างอย่างเดียวยังขาดซึ่งความรู้สึกบางอย่าง ดังนั้นทั้งสองคนจึงทดลองนำอาหารที่ตนทำเองและเรื่องราวต่าง ๆ มาหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน การที่ผู้คนได้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเช่นนี้ กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ Cooking & Living แตกต่างไปจากห้องเรียนสอนทำอาหารอื่น ๆ และยังเป็นความอบอุ่นในเมืองกรุงที่ต่างคนต่างต้องดิ้นรนใช้ชีวิตอีกด้วย

 

การใช้ชีวิตอย่างมีสติ

หลังจากผ่านการลองผิดลองถูกมาหลายปี คุณจางอวี้เหว่ยกับคุณอู๋ฮุ่ยถิงซึ่งได้สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารมาพอสมควร ก็ได้ชักชวนคุณเจิงอี๋เต๋อ (曾宜德) ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะมาเข้าร่วม เพื่อทำให้ทีมงานมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น Cooking & Living จึงค่อย ๆ กลายเป็นแบรนด์ที่เน้นเรื่องของรสชาติ ประสาทสัมผัสทั้งห้า และสุนทรียภาพแห่งชีวิต นอกจากหลักสูตร “19.30 น. ได้เวลารับประทานอาหารค่ำ” แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังได้โปรโมทหลักสูตรที่สอดคล้องกับช่วงฤดูกาลต่าง ๆ เช่น “อาหารที่ซ่อนอยู่บนเกาะ” โดยจะพาสำรวจเจาะลึกวัฒนธรรมการรับประทานไต้หวัน อาทิ บ๊ะจ่างเปลือกหอยที่เป็นเอกลักษณ์ของเผิงหู ซึ่งจะถูกนำมาใช้เป็นของเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง วัตถุดิบคือหอยตลับใหญ่ที่มีเฉพาะในเขตน้ำขึ้นน้ำลงของเผิงหู โดยจะทำการควักเนื้อหอยออก จากนั้นใส่ข้าวเหนียวเข้าไป แล้วมัดด้วยเชือกฝ้ายและนำไปนึ่งจนสุก ภายในข้าวจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของทะเล หรือที่ถูกเรียกว่า “หอยตลับใหญ่ห่อข้าว” คุณอู๋ฮุ่ยถิงอธิบายว่า “เปลือกหอยมีลักษณะเหมือนเงิน เมื่อชาวเผิงหูเดินทางไปทำเก็บกวาดทำความสะอาดสุสานจึงพกติดตัวไปด้วย เมื่อทุบเปลือกแยกออกจากกัน ใช้เป็นช้อนได้ พอรับประทานเสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ที่สุสานของบรรพบุรุษ เมื่อเปลือกหอยถูกแสงแดดจะส่องแสงสีทองเป็นประกายระยิบระยับ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองของบุตรหลานต่อไป

การเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทำให้บ๊ะจ่างเปลือกหอยมีคนทำลดน้อยลง คุณอู๋ฮุ่ยถิงที่เป็นคนเผิงหูจึงกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อศึกษาวิธีการทำ แล้วคิดค้นหาสูตรที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบันสำหรับทำเป็นเมนูอาหารประจำบ้าน ขณะที่คุณเฉิงอี๋เต๋อซึ่งเก่งเรื่องทัศนศิลป์ ได้นำเอาวัฒนธรรมการทาสีเปลือกหอยของญี่ปุ่นมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน โดยให้ทุกคนวาดภาพลงบนเปลือกหอยและเก็บไว้ในกล่องไม้ “หวังว่าจากกิจกรรมอาหารที่ซ่อนอยู่บนเกาะ จะทำให้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวัฒนธรรมอาหารเหล่านี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของใครบางคนได้” คุณจางอวี้เหว่ย กล่าว

ในการทำกิจกรรมแต่ละครั้ง สูตรอาหารฉบับกระดาษมีไว้สำหรับอ้างอิง โดยระหว่างการทำอาหารต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เขาอยากให้ลูกค้ารู้ว่า การทำอาหารไม่จำเป็นต้องแม่นยำตรงเป๊ะเสมอไป ถ้าเค็มไปก็สามารถเติมน้ำเติมน้ำตาล แต่ถ้าจืดไปก็เติมเกลือ การทำอาหารไม่ได้ยากอย่างที่คิด การเปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าเพื่อลองชิมรสชาติของอาหารนั้น สามารถใช้ได้แม้แต่กับการรับประทานอาหารนอกบ้าน การเรียนรู้ที่จะใช้ต่อมรับรสแยกแยะระหว่างวัตถุดิบที่ดีหรือไม่ดี ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนที่ Cooking & Living ด้วย
 

อู๋ฮุ่ยถิง (ขวา), จางอวี้เหว่ย (กลาง) และเฉิงอี๋เต๋อ (ซ้าย) ร่วมกันสร้างแบรนด์ธุรกิจ Cooking & Living เพื่อแนะนำคอร์สเรียนที่เสริมสร้างประสาทสัมผัสทั้ง 5 และถ่ายทอดแนวความคิดแห่ง “การดำเนินชีวิตอย่างมีสติ”

อู๋ฮุ่ยถิง (ขวา), จางอวี้เหว่ย (กลาง) และเฉิงอี๋เต๋อ (ซ้าย) ร่วมกันสร้างแบรนด์ธุรกิจ Cooking & Living เพื่อแนะนำคอร์สเรียนที่เสริมสร้างประสาทสัมผัสทั้ง 5 และถ่ายทอดแนวความคิดแห่ง “การดำเนินชีวิตอย่างมีสติ”
 

เพลิดเพลินไปกับชีวิตเนิบช้าในธรรมชาติ

บ้านพักอาศัยซึ่งซ่อนอยู่บริเวณพื้นที่ภูเขาในเขตซินเตี้ยน คือที่ตั้งของสตูดิโอเวิร์กชอปที่ชื่อว่า “Northbirds Natural Aesthetics“ เป็นสถานที่สำหรับสอนวาดภาพพืชพรรณต่าง ๆ ให้กับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ โดยมีการออกแบบตกแต่งสถานที่ด้วยงานไม้ ภายในพื้นที่ที่มีการจัดวางตัวอย่างของพืชพรรณกับแมลงและนก สวนหย่อมที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างบานใหญ่ รวมถึงเสียงนกร้องที่ได้ยินเป็นครั้งคราว ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเงียบสงบเป็นพิเศษ คุณอูเพ่ยเสวียน (巫佩璇) หรือที่รู้จักกันในนาม “ครู Northbirds” คือผู้ก่อตั้งสตูดิโอเวิร์กชอปแห่งนี้ เธอมักมีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอ พูดจาแบบช้า ๆ แต่ในน้ำเสียงกลับมีพลังที่ช่วยให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความสงบได้อย่างน่าประหลาดใจ

คุณอูเพ่ยเสวียน เตรียมและอุปกรณ์เครื่องมือ อาทิ ดินสอสีไม้ระบายน้ำ ดินสอ พู่กันระบายสีน้ำ ไม้บรรทัด แหนบและแว่นขยาย เป็นต้น ไว้บนโต๊ะทุกตัว นอกจากนี้ยังมีกระถางต้นไม้ 1 คนต่อ 1 ต้น ซึ่งต้นไม้พวกนี้จะเป็นคู่หูสำหรับการวาดภาพในวันนั้นให้กับผู้เรียนทุกคน โดยคุณอูเพ่ยเสวียนจะเริ่มจากการแนะนำแหล่งเพาะปลูก ลักษณะการเจริญเติบโต และการนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน พาทุกคนไประลึกถึงว่า ที่จริงแล้วพืชพรรณเหล่านี้มีความเป็นมาและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเราได้อย่างไร

จากนั้น เธอจะแนะนำให้ทุกคนสังเกตต้นพืชอย่างละเอียด ทั้งรูปร่างของใบ ลำดับใบ ลำดับการเจริญเติบโตของดอก กลีบเลี้ยง ใบประดับ กลไกการผสมเกสร ฯลฯ คุณอูเพ่ยเสวียนกล่าวว่า “การทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของโครงสร้างพืชแต่ละชนิด การวาดภาพออกมาจึงจะมีความหมายมากขึ้น” การสอนแนะนำไปทีละขั้นตอนของเธอ ทำให้แม้แต่จิตรกรมือใหม่ก็สามารถวาดภาพต้นพืชให้สวยงามได้

 

หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความรักให้งอกงามในหัวใจ

สิ่งที่แตกต่างจากวิธีการวาดภาพทั่วไปคือ ภาพเหมือนทางพฤกษศาสตร์ (Botanical Illustration) เป็นสไตล์การวาดภาพที่เน้นย้ำในเรื่องความถูกต้อง จึงจำเป็นต้องเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของพืชอย่างลึกซึ้ง การจะวาดออกมาก็จำเป็นต้องใช้เวลานานมากขึ้น การวาดภาพพืชพรรณต่าง ๆ ที่ Northbirds ใช้เวลาเรียนประมาณ 6-7 ชั่วโมงต่อคอร์ส คุณอูเพ่ยเสวียนยิ้มแล้วพูดว่า ที่นี่เป็นเหมือนสถานที่หลบภัย ผู้ที่มาเรียนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูก การมาที่นี่ทำให้สามารถปล่อยวางเรื่องราววุ่นวายในชีวิต ใช้เวลาตลอดทั้งวันอยู่กับตัวเองและอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ คุณอูเพ่ยเสวียนเชื่อว่า “หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าการเฝ้าสังเกตต้นไม้อย่างละเอียดเช่นนี้ เมื่อใช้เวลามากขึ้น เราก็ยิ่งหลงรักมันมากขึ้นด้วย”

สำหรับคุณอูเพ่ยเสวียนแล้ว การให้ผู้เรียนนำต้นไม้ที่วาดในห้องเรียนกลับไปดูแลต่อ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญในคอร์สของเธอ คุณอูเพ่ยเสวียนกล่าวอย่างมีความสุขว่า เมื่อคนเราค้นพบว่าต้นไม้ดอกไม้ที่ดูเหมือนเล็ก ๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้มากมาย และเรายินดีที่ใช้จะทัศนคติแห่งความเท่าเทียมกันมามองดูการมีชีวิตอันเงียบสงบเช่นนี้ บางทีเราอาจจะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่มาจากการศึกษาเรียนรู้พืชพรรณต่าง ๆ คุณอู่เพ่ยเสวียนกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “พืชทั้งหลายจะไม่ใช้เสียงดังเพื่อเรียกร้องให้ได้รับความสนใจ แต่มันจะใช้วิธีที่แตกต่างกันตามแต่ละชนิด เช่น สี กลิ่น ลักษณะรูปร่าง การสัมผัส ฯลฯ เพื่อให้ทุกคนรับรู้ถึงการคงอยู่ของมัน มนุษย์เราก็เช่นกัน บนโลกใบนี้มีมาตรฐานมากมายที่ต้องการให้เราต้องทำให้ได้ บนโลกใบนี้มีมาตรฐานมากมายที่คอยกำหนดนำพาชีวิตของเรา แต่นั่นเป็นเพียงมาตรฐานในทางโลก พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้มาตรฐานเหล่านั้นมาทำให้คนหันมาสนใจ คุณสามารถมีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในการอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้ จงยอมรับในตัวเอง โดยใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายใจและมีอิสระในจักรวาลแห่งนี้”

เช่นเดียวกันกับคุณอูเพ่ยเสวียนที่เมื่อก่อนเคยเป็นคุณครูในโรงเรียนระดับประถมศึกษาของรัฐ หลังจากล้มป่วยครั้งใหญ่ ก็ได้เริ่มคิดทบทวนถึงความหมายและคุณค่าของการมีชีวิต ดังนั้นเมื่อไม่สามารถทำงานที่รักที่สุดได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่คนอื่นอิจฉา เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอได้ผสานสิ่งที่รักที่สุดคือธรรมชาติกับการวาดภาพรวมเข้าไว้ด้วยกัน ก่อตั้งเป็นเวิร์กชอปสตูดิโอ เปิดให้ผู้คนได้มีช่วงเวลาแห่งสุนทรียภาพกับธรรมชาติ ทั้งยังได้ค้นหาวิธีการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเองในวัฏจักรแห่งชีวิตด้วย

 

เพิ่มเติม

ช่วงเวลาพักผ่อนของผู้ใหญ่ ที่ Cooking & Living และ Northbirds Natural Aesthetics