กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 20 ก.พ. 67
 
“การประชุมด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพนานาชาติไต้หวัน ปี 2567”  ที่ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ กระทรวงเศรษฐการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)  โดยได้เชิญบุคคลสำคัญที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสำรวจและพัฒนาพลังงานความร้อนใต้พิภพจากนานาประเทศ อย่างสหรัฐฯ อังกฤษ สวีเดน อิตาลี ญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์ เข้าร่วมเป็นผู้บรรยาย เพื่อร่วมแบ่งปันเทคโนโลยีพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ทันสมัยของโลก การพัฒนาโรงไฟฟ้า และประสบการณ์การบริหารแผนวิจัยโครงการ เป็นต้น โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ทั้งการประชุมในสถานที่จริงและการประชุมรูปแบบออนไลน์ ซึ่งสามารถดึงดูดตัวแทนผู้ประกอบการต่างประเทศ 47 รายและตัวแทนจากหน่วยงานภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ ภาควิชาการและภาคการวิจัย จำนวนกว่า 600 คน เข้าร่วม
 
ในพิธีเปิดการประชุมสัมมนา นายเฉินเจี้ยนเหริน นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวปราศรัยผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ โดยระบุว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพในไต้หวัน มีปริมาณสูงถึง 7.29 MW ภายใต้การประสานความร่วมมือระหว่างรัฐวิสาหกิจและผู้ประกอบการเอกชน ได้มีการจัดตั้งรากฐานที่มั่นคงตามลำดับขั้น อันจะเห็นได้จากในปีที่แล้ว ได้มีการแก้ไข “กฎระเบียบด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน” ซึ่งมีข้อกำหนดที่ชัดเจนและลดขั้นตอนการยื่นขออนุญาตขุดเจาะพลังงานความร้อนใต้พิภพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพิจารณาตรวจสอบและอนุมัติ ขณะเดียวกัน เพื่อส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามีส่วนร่วม จึงกำชับให้มีการให้คำปรึกษาแก่กลุ่มชนพื้นเมือง ตลอดจน รณรงค์ให้มีการจัดการกับน้ำที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าก่อนปล่อยกลับสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพื่อรับประกันความยั่งยืนของทรัพยากร  โดยในอนาคต รัฐบาลจะมุ่งสรรค์สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการขุดเจาะ เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมพลังงานความร้อนใต้พิภพ ได้รับการพัฒนาอย่างรุดหน้ามากยิ่งขึ้น
 
นายเจิงเหวินเซิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เน้นย้ำว่า การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนเป็นปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนผ่านพลังงานในไต้หวัน ในจำนวนนี้ พลังงานความร้อนใต้พิภพเป็นโรงไฟฟ้าฐาน ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศ และสวมบทบาทที่สำคัญในกระบวนการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน ตราบจนปัจจุบัน มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานและขั้นตอนการขุดเจาะแล้ว กว่า 24 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 61.75 MW โดยพวกเราคาดหวังว่า ในปี พ.ศ. 2593 จะมีขอบเขตกำลังการผลิตที่สูงถึง 6 GB โดยเป้าหมายระยะสั้น - กลางคือ การผลักดันมให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20 MW ภายในปี 2568 เพิ่มขึ้น 200 MW ภายในปี 2573 และเพิ่มขึ้น 2 GW ภายในปี 2583
 
รมช.เจิงฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไต้หวันประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการที่ดิน ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความร้อนใต้พิภพ นอกจากนี้ การขออนุมัติใช้พื้นที่ในการขุดหลุมเจาะชั้นใต้ดิน ตามข้อระเบียบทางกฎหมาย และการจ่ายเงินทดแทน ล้วนเป็นภารกิจสำคัญที่กระทรวงเศรษฐการมุ่งผลักดัน และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควบคู่กันไป
 
ไฮไลท์ของการประชุมในครั้งนี้ นายโหยวเจิ้นเหว่ย อธิบดีกรมพลังงานไต้หวัน และกลุ่มผู้ประกอบการขุดเจาะพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทั้งในและต่างประเทศ ได้ร่วมหารือแลกเปลี่ยนกันในประเด็นรูปแบบความร่วมมือของการแลกเปลี่ยน ข้อชี้แนะด้านการสำรวจแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ เงื่อนไขความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ และแนวทางการยื่นขออนุมัติที่รวดเร็ว รวมถึงความช่วยเหลือด้านการลงทุนที่ต้องการได้รับจากภาครัฐ เป็นต้น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะดึงดูดผู้ประกอบการต่างประเทศ เข้ามาลงทุนในไต้หวันเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเร่งยกระดับการพัฒนาพลังงานความร้อนใต้พิภพ  ควบคู่ไปกับการจัดตั้งระบบห่วงโซ่อุปทานด้านอุตสาหกรรม