ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 18 เม.ย. 67
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 เมษายน ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “Mr. Mantas Adomėnas อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคณะตัวแทนนักวิชาการจากคลังสมองของสาธารณรัฐลิทัวเนีย” โดยปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลและรัฐสภาลิทัวเนีย ที่แสดงจุดยืนให้ความสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันหลายครั้ง และให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างกระตือรือร้น พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายนอกจากจะประสานความร่วมมือกันในด้านการเกษตร เซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว ยังได้มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคี ผ่าน “กองทุนยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก” โดยหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งขยายการแลกเปลี่ยนในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ตลอดจนสร้างคุณประโยชน์ในการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของโลกอย่างยั่งยืนสืบไป
 
ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า ในช่วงที่ อดีตรมช. Adomėnas ยังดำรงตำแหน่ง รมช.ต่างประเทศลิทัวเนีย นอกจากจะผลักดันให้รัฐบาลลิทัวเนียเร่งบริจาควัคซีนป้องกันโควิด – 19 ให้ไต้หวันแล้ว ยังได้ส่งมอบความช่วยเหลือนานาประการ ในระหว่างการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนรัฐบาลขึ้นในดินแดนระหว่างกันของไต้หวัน – ลิทัวเนีย ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์แบบทวิภาคี เกิดความแนบแน่นยิ่งขึ้น
 
หลายปีมานี้ ไต้หวัน – ลิทัวเนียได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านกลไกการสกัดกั้นข่าวปลอม และการรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ อย่างกระตือรือร้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพให้คงอยู่ต่อไป
 
อดีตรมช. Adomėnas กล่าวว่า แม้ไต้หวัน - ลิทัวเนียจะตั้งอยู่คนละฝากฝั่งของทวีปยูเรเชีย และมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่กลับมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกันในทางประวัติศาสตร์และอุปสรรคความท้าทายในปัจจุบัน พวกเราตระหนักถึงความรู้สึกที่อำนาจอธิปไตยและวิถีชีวิตในรูปแบบประชาธิปไตยถูกละเลยมองข้ามอย่างไม่ใยดี เนื่องจากไต้หวันและลิทัวเนียต่างเคยก้าวผ่านประสบการณ์เช่นเดียวกันนี้มาก่อน ในอดีตที่ลิทัวเนียตกอยู่ภายใต้การปกครองจากสหภาพโซเวียต ไต้หวันได้มุ่งให้การสนับสนุนอำนาจอธิปไตยและความเป็นเอกราชของลิทัวเนียและประเทศอาณานิคมมาโดยตลอด อดีตรมช. Adomėnas และเหล่าคณะตัวแทนต่างรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
 
อดีตรมช. Adomėnas กล่าวว่า ลิทัวเนียตระหนักถึงความต้องการของไต้หวันที่มีต่ออำนาจอธิปไตยและความเป็นเอกราช รวมถึงการได้รับการยอมรับในประชาคมโลก และมองเห็นว่า ประชาชนชาวไต้หวันต่างคาดหวังที่จะรักษาวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับค่านิยมที่ยึดมั่น ไต้หวันเป็นเกาะแห่งเสรีภาพ และเป็นประภาคารด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเป็นต้นแบบของโลกในการบรรลุค่านิยมสากลเหล่านี้
 
อดีตรมช. Adomėnas แถลงว่า ประชาธิปไตยมิใช่สิ่งที่ได้มาอย่างง่ายดาย และไม่สามารถคงอยู่อย่างยั่งยืน พวกเราจึงจำเป็นต้องหมั่นแสวงหาและธำรงรักษาไว้ ประเทศประชาธิปไตยสามารถถอยกลับไปสู่ระบอบเผด็จการได้ในทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงจำเป็นต้องตระหนักรู้อยู่เสมอ ควบคู่ไปกับการปกป้องค่านิยมด้านประชาธิปไตยให้คงอยู่ต่อไป ภายใต้การนำของปธน.ไช่ฯ ไต้หวันพัฒนาไปอย่างรุดหน้า อดีตรมช. Adomėnas และคณะตัวแทนรู้สึกนับถือเป็นอย่างยิ่ง และยังได้การเรียนรู้เพิ่มเติมอีกมากมายด้วย
 
อดีตรมช. Adomėnas ระบุว่า ลัทธิอำนาจนิยมในพื้นที่ใกล้เคียงมองว่า การบรรลุซึ่งแนวทางด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เป็นภัยคุกคาม เนื่องจากพวกเราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ประชาธิปไตยสามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าจะในยุโรปตะวันออกหรือไต้หวันที่เป็นต้นแบบด้านวัฒนธรรมจีน วัฒนธรรมที่เฟื่องฟูและการพัฒนาประเทศจนเจริญรุ่งเรือง เป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่าคำพูดที่ว่าประชาธิปไตยไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมบางประเทศนั้น ไม่สอดคล้องตามความเป็นจริงเลย
 
อดีตรมช. Adomėnas กล่าวว่า อิทธิพลของลัทธิเผด็จการคือการไม่เคารพต่อสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตนเองของประเทศอื่นๆ และเตรียมการเพื่อโจมตีอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้นในทุกเมื่อ อันจะเห็นได้จากกรณีตัวอย่างที่รัสเซียได้มุ่งทำลายประชาธิปไตยของยูเครน และยังวางแผนที่จะสั่นคลอนความสงบเรียบร้อยของโลก ตลอดจนคำมั่นด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นส่วนที่ประเทศขนาดเล็กอย่างไต้หวันและลิทัวเนีย ควรประสานความร่วมมือและแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน มีเพียงการเตรียมการให้พร้อม จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามที่ก่อให้เกิดความสูญเสียได้