ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
สตม.ไต้หวันเชิญจัด “การประชุมนานาชาติด้านการบริหารจัดการการเดินทางเข้า - ออกพรมแดน” อีกครั้งหลังยุคโควิด – 19
2023-10-27
New Southbound Policy。สตม.ไต้หวันเชิญจัด “การประชุมนานาชาติด้านการบริหารจัดการการเดินทางเข้า - ออกพรมแดน” อีกครั้งหลังยุคโควิด – 19 (ภาพจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)
สตม.ไต้หวันเชิญจัด “การประชุมนานาชาติด้านการบริหารจัดการการเดินทางเข้า - ออกพรมแดน” อีกครั้งหลังยุคโควิด – 19 (ภาพจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)

กระทรวงมหาดไทย วันที่ 26 ต.ค. 66
 
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัด “การประชุมนานาชาติด้านการบริหารจัดการการเดินทางเข้า - ออกพรมแดน” ณ โรงแรม Novotel Taipei Taoyuan International Airport ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังเกิดสถานการณ์โรคโควิด – 19 โดยการประชุมในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ “ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเดินทางเข้า - ออกพรมแดน” และ “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการการเดินทางเข้า - ออกพรมแดน” ซึ่งได้เชิญเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตัวแทนบริษัทสายการบิน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ จากในและต่างประเทศจำนวน 130 คน เดินทางมาร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นมาตรการควบคุมการเข้า – ออกพรมแดน ประสบการณ์การปราบปรามการลักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย และเทคโนโลยีล่าสุดในการผ่านพิธีการศุลกากร
 
ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมบรรยายในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนเจ้าหน้าที่ภาครัฐจากหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ สถานกงสุลแคนาดาประจำฮ่องกง และสำนักงานตัวแทนรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประจำไต้หวัน โดยในปีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมอภิปรายหารือในประเด็นความร่วมมือในการจัดตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองด้วยรูปแบบ Single Token หรือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง ซึ่งเหมาะสำหรับช่วงสถานการณ์หลังยุคโควิด – 19 เช่นนี้เป็นอย่างมาก
 
ในระหว่างการประชุม สตม.ได้จัดแสดงเทคโนโลยีการทดสอบการตรวจจับใบหน้า โดยให้ระบบเทียบเคียงรูปภาพ 2 ใบว่าเป็นคนๆ เดียวกันหรือไม่ ภายในเวลาอันสั้น ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการสะสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ รวมทั้งช่วยให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้ประจักษ์ว่า บนโลกใบนี้ มีคนที่มีรูปร่างภายนอกคล้ายคลึงกัน หรือเปรียบเสมือนแฝดคนละฝาเลยทีเดียว
 
นายอู๋ถังอัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้ว่า การสร้างกลไกบริหารการตรวจสอบการเข้า – ออกพรมแดน และการยกระดับประสิทธิภาพในการผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง ถือเป็นปัญหาสำคัญของการบริหารจัดการด้านการควบคุมการเข้า – ออกพรมแดน ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2011 ที่ไต้หวันได้มีการจัดตั้งระบบควบคุมการผ่านเข้า – ออกประเทศทางประตูอัตโนมัติ (e-Gate) เป็นต้นมา ก็ได้มีการริเริ่มประยุกต์ใช้การตรวจสอบคุณสมบัติทางชีวภาพในการแยกแยะสถานภาพนักท่องเที่ยว โดยสตม.ไต้หวันยังคงมุ่งพัฒนาความแม่นยำของอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันเป็นระบบที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข เป็นรุ่นที่ 3 ซึ่งได้เปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถลงทะเบียนด้วยตนเองภายในช่องทางประตู อีกทั้งยังสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติที่เดินทางมาไต้หวัน สามารถใช้บริการในระหว่างเดินทางออกจากไต้หวันด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองได้ไม่น้อย โดยขณะนี้ได้มีการวางแผนให้ระบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ล่าสุดในเวอร์ชันที่ 4 เข้าทดแทนเวอร์ชันที่ 1 เชื่อว่าจะสามารถยกระดับประสิทธิภาพในการผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองให้เพิ่มสูงขึ้นได้
 
รมช.อู๋ฯ ย้ำว่า การบรรลุมาตรการควบคุมพรมแดน นอกจากจะเป็นการปกป้องประชาชนในประเทศแล้ว ยังเป็นการแสดงให้ทั่วโลกประจักษ์เห็นถึงประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายที่บริเวณพรมแดนของไต้หวัน การประชุมนานาชาติในครั้งนี้ ได้มีการอภิปรายในวงกว้างเกี่ยวกับแนวโน้มการพัฒนาล่าสุดด้านการผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศ ในอนาคต พวกเราจะยังคงเร่งส่งเสริมการสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศทั่วโลกอย่างใกล้ชิด ตลอดจนอ้างอิงรูปแบบการบริหารและเทคโนโลยีการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศที่มีการพัฒนาอย่างรุดหน้า เพื่อรักษาความมั่นคงที่พรมแดนประเทศของไต้หวันอย่างเต็มที่ต่อไป