ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ความเห็นของกต.ไต้หวันต่อการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เห็นชอบให้ผ่าน “กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมฉุกเฉินเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ประจำปี 2567”
2024-04-22
New Southbound Policy。ความเห็นของกต.ไต้หวันต่อการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เห็นชอบให้ผ่าน “กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมฉุกเฉินเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ประจำปี 2567” (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
ความเห็นของกต.ไต้หวันต่อการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เห็นชอบให้ผ่าน “กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมฉุกเฉินเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ประจำปี 2567” (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 21 เม.ย. 67
 
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา ตามเขตเวลาตะวันนออกของสหรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ผ่าน “กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมฉุกเฉินเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ประจำปี 2567” (The Emergency National Security Supplemental Appropriations Act of 2024) ด้วยงบประมาณกว่า 95,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเนื้อความในกฎหมายดังกล่าว ประกอบด้วย 4 รายการ ได้แก่ กฎหมายการส่งมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่อิสราเอล ยูเครนและกลุ่มประเทศในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รวม 3 ฉบับ และกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมสันติภาพด้วยศักยภาพในศตวรรษที่ 21 ที่กำหนดให้บริษัท TikTok แยกตัวออกจากบริษัทแม่ในจีน คือ บริษัท ByteDance ซึ่งจะต้องขายโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด โดยร่างกฎหมาย 4 ฉบับข้างต้นจะส่งต่อให้วุฒิสภาทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป และหลังจากเสร็จสิ้นการลงมติจากทั้งสองสภาข้างต้นแล้ว จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เป็นผู้ลงนาม และจะถือว่ามีผลบังคับใช้ในทันที
 
ในจำนวนนี้ “กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อความมั่นคงแห่งชาติในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก” ได้รับมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยสัดส่วนของคะแนนเสียงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยคือ 385 : 34 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือทางกลาโหมให้ไต้หวัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างบทบาทของสหรัฐฯ ในการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ด้วยงบประมาณจำนวน 81,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ ยังได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใต้โครงการเงินช่วยเหลือทางการทหาร (Foreign Military Financing, FMF) ให้สำหรับกลุ่มประเทศในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ซึ่งรวมถึงไต้หวันด้วย ตลอดจนจะมีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไว้สำหรับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่ให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันตามคำเรียกร้องของสหรัฐฯ เช่น การที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ต้องอัดฉีดอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าสู่กลไกการป้องกันประเทศ เพื่อทดแทนส่วนที่อนุมัติจำหน่ายให้ไต้หวัน กลไกการบริการหลังการจำหน่าย รวมไปถึงการบ่มเพาะและฝึกอบรมบุคลากร เป็นต้น
 
เนื่องในวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” รัฐสภาสหรัฐฯ ได้มุ่งบรรลุคำมั่นด้านความมั่นคงที่ “แข็งแกร่งดุจหินผา” ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงขอแสดงความขอบคุณต่อรัฐสภาสหรัฐฯ สำหรับการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ และการให้ความสำคัญต่อการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อำนาจเผด็จการได้แผ่ขยายอิทธิพล และสร้างภัยคุกคามต่อกลุ่มประเทศประชาธิปไตย รัฐสภาสหรัฐฯ ยังคงมุ่งให้การสนับสนุนต่อการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนแสดงให้เห็นว่าคำมั่นด้านความมั่นคงที่รัฐสภาสหรัฐฯ ให้ไว้ต่อไต้หวัน ได้ถือเป็นฉันทามติอย่างหนักแน่นและชัดเจนของพรรคการเมืองทั้งสองพรรค ไต้หวันในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกที่มีความรับผิดชอบ จะมุ่งสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมธำรงรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกฎกติกาสากล ตลอดจนมุ่งปกป้องสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป