ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์สื่อนิวซีแลนด์ ย้ำ การร่วมมือระหว่างไต้หวัน – นิวซีแลนด์ในการสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ จะสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน
2024-04-23
New Southbound Policy。รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์สื่อนิวซีแลนด์ ย้ำ การร่วมมือระหว่างไต้หวัน – นิวซีแลนด์ในการสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ จะสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์สื่อนิวซีแลนด์ ย้ำ การร่วมมือระหว่างไต้หวัน – นิวซีแลนด์ในการสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ จะสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 22 เม.ย. 67
 
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Sam Sachdeva ผู้สื่อข่าวฝ่ายการเมืองและนักเขียนระดับอาวุโสของสำนักข่าว Newsroom แห่งนิวซีแลนด์ โดย รมว.อู๋ฯ ได้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ อาทิ ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – นิวซีแลนด์ สถานการณ์ล่าสุดในช่องแคบไต้หวันและอินโด - แปซิฟิก รวมทั้งการสมัครเป็นสมาชิกของ “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) ของไต้หวัน โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ในหัวข้อ “ไต้หวันหวังให้นิวซีแลนด์สนับสนุนการสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ” (Taiwan wants NZ support to counter ‘expanding authoritarianism’) ซึ่งได้รับความสนใจจากทุกแวดวงในนิวซีแลนด์เป็นอย่างมาก
 
ในช่วงแรก รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า ไต้หวัน – นิวซีแลนด์ต่างยึดมั่นในค่านิยมสากลด้านเสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม และในปี พ.ศ. 2556 ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามใน “ข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไต้หวัน-นิวซีแลนด์ (ANZTEC) เพื่อปูรากฐานที่ดีงามสำหรับความสัมพันธ์แบบทวิภาคี หลายปีมานี้ จีนได้สร้างภัยคุกคามต่อความมั่นคงในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายประสานความร่วมมือในการสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ข่าวปลอมที่จีนจงใจสร้างขึ้นเพื่อก่อกวนกลุ่มประเทศภายนอก ได้แทรกซึมเข้าสู่กลุ่มชนชาวจีนโพ้นทะเลในนิวซีแลนด์ ซึ่งในส่วนนี้ สังคมพลเรือนไต้หวันสามารถร่วมแบ่งปันประสบการณ์การรับมือ เพื่อเป็นประโยชน์แก่องค์การนอกภาครัฐและหน่วยงานด้านวิชาการของนิวซีแลนด์ ในภายหน้า ไต้หวัน – นิวซีแลนด์ ยังสามารถแสวงหาโอกาสการแลกเปลี่ยนและสร้างปฏิสัมพันธ์ในด้านกิจการชนพื้นเมืองและการศึกษา ระหว่างกันด้วย
 
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้ระบุถึงการสมัครเข้าร่วม CPTPP ของไต้หวัน โดยชี้ว่า ไต้หวันมุ่งปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการค้าอย่างกระตือรือร้น เพื่อต้องการบรรลุข้อเรียกร้องตามมาตรฐานขั้นสูงของ CPTPP แต่จีนที่มีคุณสมบัติไม่สอดคล้องต่อการเข้าร่วม กลับพยายามแทรกแซงกระบวนการในการสมัครเป็นสมาชิกใหม่ของ CPTPP จึงถือว่าไม่ยุติธรรมต่อไต้หวันและกลุ่มประเทศสมาชิก CPTPP รมว.อู๋ฯ จึงขอเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก CPTPP มองข้ามปัจจัยทางการเมืองในการพิจารณาเงื่อนไขของประเทศที่ยื่นขออนุมัติ ว่ามีความเหมาะสมที่จะได้รับการอนุมัติให้เข้าเป็นสมาชิกหรือไม่ และหวังที่จะเห็นรัฐบาลนิวซีแลนด์ ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วม CPTPP อย่างเปิดเผย
 
ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จีนจะรุกรานไต้หวันเมื่อใดนั้น รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ สงครามมิใช่วาระเร่งด่วน แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยไต้หวันจะใช้มาตรการและนโยบายที่ผ่านการไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบันที่เปี่ยมด้วยสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการมุ่งเสริมสร้างแสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง เพื่อสกัดกั้นการก่อสงครามจากจีน นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้แสดงจุดยืนต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบัน ควบคู่กับการให้ความสำคัญต่อเสรีภาพและการเปิดกว้างในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ตลอดจนชูหลักการร่วมธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐฯ – ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐฯ - ญี่ปุ่น กลไกของภาคีความมั่นคงแบบพหุภาคีร่วมกับอังกฤษและออสเตรเลีย (AUKUS) ทั้งนี้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเพิ่มศักยภาพการสกัดกั้นการรุกรานจากจีนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
รมว.อู๋ฯ ยังชี้ว่า ต่อเนื่องจากเมื่อเดือนมกราคม ปี 2567 ที่รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกเส้นทางบิน M503 ในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ด้วยความเห็นชอบเพียงงฝ่ายเดียว ในวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้ประกาศเปิดใช้เส้นทางบิน W122 และ W123 ซึ่งเป็นเส้นทางบินจากเขตพื้นที่ตะวันตกสู่ตะวันออก โดยมิได้มีการเปิดการเจรจากับฝ่ายไต้หวันก่อน ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการบินแล้ว ยังเป็นการคุกคามต่อแนวทางการป้องกันการจู่โจมในพื้นที่น่านฟ้าของไต้หวัน รมว.อู๋ฯ จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ร่วมประณามพฤติกรรมของจีนที่ละเลยต่อการคำนึงถึงความมั่นคงทางการบิน และต้องการบ่อนทำลายสถานภาพเดิมในช่องแคบไต้หวันด้วย