กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 23 เม.ย. 67
เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ประกาศ “รายงานผลการบังคับใช้มาตรการด้านสิทธิมนุษยชนของแต่ละประเทศ ปี 2566” โดยในส่วนที่มีการระบุถึงไต้หวัน มีเนื้อความที่ชี้ให้เห็นถึงการยอมรับต่อกระบวนการทางประชาธิปไตยของไต้หวัน รวมไปถึงการสร้างหลักประกันและเคารพหลักการด้านเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รู้สึกยินดีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การยอมรับต่อผลสัมฤทธิ์ด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของไต้หวันอีกครั้ง
ในฐานะที่ไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตยแนวหน้าที่ต้องรับมือกับอำนาจเผด็จการ ไต้หวันมุ่งให้ความสำคัญต่อหลักประกันด้านเสรีภาพของประชาชนชาวไต้หวัน และการบรรลุสิทธิเสรีภาพอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้ข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีขั้นสูงในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2567 ไต้หวันได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดประชาธิปไตย (Summit for Democracy) ครั้งที่ 3 โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลไต้หวันร่วมแบ่งปันศักยภาพการร่วมคิดร่วมสร้าง (Co-creation) และเทคโนโลยี ที่ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นการโจมตีทางไซเบอร์และสงครามจิตวิทยา อันนำไปสู่การเสริมสร้างความทรหดทางประชาธิปไตย และส่งเสริมการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดประชาธิปไตย เมื่อเดือนที่ผ่านมา ไต้หวันและสหรัฐฯ ยังได้ร่วมจัดการประชุมหารือว่าด้วยการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ครั้งที่ 4 โดยได้มีการอภิปรายในประเด็นการต่อต้านการแทรกแซงข้อมูลจากต่างประเทศ (FIMI) การเสริมสร้างหลักการปกครองรูปแบบประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ควบคู่ไปกับการนำเสนอให้เห็นถึงประชาธิปไตยของไต้หวันและความทรหดของภาคประชาสังคม ตลอดจนมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนที่ยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและหลักนิติธรรม โดยในอนาคต ไต้หวันจะยังคงเสริมสร้างความร่วมมือในเชิงลึกกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมธำรงรักษาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนให้คงอยู่ต่อไป
ต่อประเด็นที่รายงานดังกล่าว เฝ้าสังเกตการณ์การที่ไต้หวันกำหนดให้การหมิ่นประมาทและการดูถูกเหยียดหยามอย่างโจ่งแจ้งจัดเป็นความผิดทางอาญา ควบคู่ไปกับการเฝ้าจับตาสถานการณ์สิทธิแรงงาน กต.ไต้หวันได้ส่งต่อให้หน่วยงานภายในประเทศที่รับผิดชอบดูแล นำไปประกอบการพิจารณาแล้ว
